“...ใครจะให้ร้ายด่าทออย่างไรก็ไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาทำงานปิดทองหลังพระตามที่พ่อเคยสอน...” “ท่านใหม่” ซาบซึ้ง “พระปฐมบรมราชโองการ” “สมชาย” แชร์หมายปกป้องสถาบันทั่วประเทศ “จรรยา” แดงนอกตัวแม่ ยอมรับ หนุนม็อบปลดแอก
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (21 ต.ค. 63) เฟซบุ๊ก จุลเจิม ยุคล ของ ม.จ.จุลเจิม ยุคล หรือ “ท่านใหม่” โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
ลูกรักพ่อ คอยช่วยงานพ่อมาตลอด แต่ไม่เคยทำตัวให้เด่นกว่าพ่อ ครั้นพ่อไม่อยู่แล้ว ก็ยังคงสานต่องานของพ่อต่อไป แต่ทำงานมากมายอย่างเงียบๆ อยู่เบื้องหลังเหมือนเดิม ไม่พูด ไม่ป่าวประกาศ ไม่อวดตัว เพราะไม่ต้องการให้ตัวเองมีบารมีสูงเหมือนพ่อ
แม้ขณะนี้จะไม่มีพ่อแล้วก็ตาม ขอเพียงแค่พ่อยังคงอยู่ในความทรงจำที่ดี และเป็นที่เคารพนับถือของเหล่าพสกนิกรของพ่อก็พอแล้ว ใครจะให้ร้ายด่าทอตัวเองอย่างไรก็ไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตาทำงานปิดทองหลังพระตามที่พ่อเคยสอนไว้ต่อไป
ขอพระองค์ทรงพระเจริญ เป็นที่พึ่งให้กับอาณาราษฎร ตามที่มีพระปฐมบรมราชโองการแก่ประชาชนชาวไทยทุกหมู่เหล่า ความว่า
“เราจะสืบสาน รักษา และต่อยอด และครองแผ่นดินโดยธรรมเพื่อประโยชน์สุขแห่งอาณาราษฎรตลอดไป”
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ พระพุทธเจ้าข้า
ม.จ.จุลเจิม ยุคล”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก สมชาย แสวงการ ของ นายสมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“#พลังคนไทยรักศาสนาพระมหากษัตริย์เริ่มขยับตัวทั่วประเทศแล้ว”
และโพสต์ภาพตารางของกลุ่มเสื้อเหลืองที่ออกมาแสดงพลังปกป้องสถาบัน ทั้งในกรุงเทพมหานคร และต่างจังหวัดทั่วประเทศ อาทิ
วันที่ 21 ตุลาคม 2563 กลุ่มอาชีวะช่วยชาติ และนิสิตนักศึกษา ม.รามคำแหง ร่วมแสดงพลัง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่ลานพ่อขุน ม.รามคำแหง
วันที่ 21 ตุลาคม 2563 เวลา 16.00 น. ชาวจังหวัดสุรินทร์ ร่วมแสดงพลังปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ต่อต้านความรุนแรง ที่สวนเฉลิมพระเกียรติ (สวนใหม่) จ.สุรินทร์
วันที่ 21 ตุลาคม 2563 ชาว อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง และ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส นัดรวมพลกันที่ แยกร้านลันเตา (หน้า ธ.ก.ส.สุไหงโก-ลก) ร่วมเดินรณรงค์สำนึกรักประเทศไทย ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์
วันที่ 21 ตุลาคม 2563 เวลา 15.00 น. ชาวพระสมุทรเจดีย์ รวมพลแสดงพลังปกป้องสถาบัน ในนามชมรมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ฯลฯ ขอเชิญราชสีห์ร่วมกันรวมตัวแต่งเครื่องแบบกากีแสดงพลังประชาชนสวมเสื้อเหลือง ที่สนามกีฬาเทศบาลตำบลแหลมฟ้าฝ่า แล้วเดินขบวนไปยังที่ว่าการ อ.พระสมุทรเจดีย์ จ.สมุทรปราการ
วันที่ 22 ตุลาคม 2563 เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป รวมพลคนปัตตานี ปกป้องสถาบัน “ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์” ที่ลานศิลปวัฒนธรรม ถนนสายบุรี อ.เมือง จ.ปัตตานี
วันที่ 22 ตุลาคม 2563 เวลา 15.09 น. คนราชบุรีรักชาติ รวมพลปกป้องสถาบันฯ ที่สนามหญ้า จ.ราชบุรี
วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป คนชุมพรร่วมแสดงปกป้องสถาบัน ที่ลานหน้าพระรูป ร.5 (สนามหน้าอำเภอเมือง)
วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เวลา 13.00 น. ที่ อ.สะบ้าย้อย เสื้อเหลืองร่วมปกป้องสถาบันพร้อมกัน
วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เวลา 13.00น. คนระนองสวมเสื้อเหลืองร่วมแสดงพลังปกป้องสถาบัน ที่ ศิลาจารึก จปร.
วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เวลา 17.30 น. ประชาชนชาวตรัง แสดงพลังปกป้องสถาบัน พระหมากษัตริย์ต่อต้านการจาบจ้วงสถาบันอันเป็นที่รัก ที่ลานสัญลักษณ์ในหลวงรัชกาลที่ 9 (ลานจวนผู้ว่าฯ)
วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เวลา 17.00 น. รวมพลคนรักสถาบันจันทบุรี ที่ลานหน้าศาลากลางจังหวัดจันทบุรี
วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เวลา 16.00 น. เครือข่ายปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์เชียงใหม่ ออกมาแสดงพลังความสามัคคี
วันที่ 23 ตุลาคม 2563 เวลา 17.00 น. ชาวจังหวัดแม่ฮ่องสอน รวมพลพลังเมืองสามหมอกรวมใจเป็นหนึ่ง ยืนแถวเคารพธงชาติและร้องเพลงชาติไทย เพื่อแสดงความจงรักภักดี ต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่พิพิธภัณฑ์แม่สะเรียง
วันที่ 24 ตุลาคม 2563 เวลา 15.00 น. ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ออกมาแสดงพลังปกป้องชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่บริเวณสะพานนริศ
วันที่ 25 ตุลาคม 2563 ที่ศาลากลาง จ.ระยอง
วันที่ 25 ตุลาคม 2563 เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป ชาวยะลา ร่วมแสดงจุดยืนในความรัก ชาติ และปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่สวนขวัญเมือง เทศบาลยะลา
วันที่ 27 ตุลาคม 2563 เวลา 17.00 น. เชิญชวนพี่น้องชาวไทยออกมาแสดงจุดยืนเพื่อปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ที่ลานพระบรมรูปรัชกาลที่ 6 สวนลุมพินี
วันที่ 31 ตุลาคม 2563 เวลา 16.00 น. คนรุ่นใหม่รักสถาบันฯ ร่วมแสดงพลัง รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่ลานพ่อขุน ม.รามคำแหง”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน จรรยา ยิ้มประเสริฐ อดีตนักกิจกรรมด้านแรงงาน และด้านการเมือง ที่ลี้ภัยในต่างประเทศ โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า
ผมไม่ใช่เสื้อแดง นปช.2553 แต่พลังของคนเสื้อแดงที่ผมพบเจอนับตั้งแต่นั้นมา ทั้งที่อยู่ในประเทศไทย และที่อยู่ต่างประเทศ ทำให้ผมเคารพนับถือความเป็นนักสู้ของพี่น้องเสื้อแดง ที่ต่อเนื่องยาวนาน ด้วยความอดทน เสียสละ และไม่เคยหายไปไหนจากการต่อสู้ภาคประชาชนมาจนถึงปัจจุบัน
คนเสื้อแดงที่ต่างประเทศ ที่การต่อสู้นำมาสู่การแสวงหา และการตาสว่างทางการเมือง คือ กลุ่มคนใหญ่ที่สนับสนุนการต่อสู้ของพี่น้องที่ลี้ภัยการเมืองมาตลอด และก็เป็นกำลังที่ทำให้ ACT4DEM (แอคชั่นเพื่อประชาธิปไตยในประเทศไทย) สามารถต่อสู้เพื่อปลดแอกได้ มายาวนานถึง 10 ปี
ขอได้รับความขอบคุณจากพวกเราชาว ACT4DEM อีกครั้ง ในการประท้วงปลดแอก 2563 กลุ่มคนเสื้อแดงได้ออกมาเป็นจำนวนมหาศาล เพื่อร่วมประท้วงและร่วมสนับสนุนการต่อสู้ของลูกหลาน และเพื่อนพี่น้อง
หลายเดือนมานี้ กลุ่มแดงก้าวหน้า 2563 ได้ทำหน้าที่เป็นกองเสบียง กองเครื่องเสียง กองการ์ดอาสา และกองบริการรถพาผู้คนกลับบ้าน
ในทุกการปราบปราม อุปกรณ์ของพวกเขาจะเสียหาย พวกเขาจึงฝากประชาสัมพันธ์ให้ช่วยกระจายช่องทางการสนับสนุนพวกเขาด้วย
ฝากพี่น้องเสื้อแดงทุก พ.ศ. ช่วยสนับสนุนกลุ่มแดงก้าวหน้า 2563 เพื่อให้ทำหน้าที่ของพวกเขาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ฝากกระจายช่องทางการรับการสนับสนุนของพวกเขาด้วยนะ ขอบคุณมาก” (จากไทยโพสต์ออนไลน์)
แน่นอน, สิ่งที่เห็นได้ชัดในตอนนี้ก็คือ เครือข่าย “ล้มเจ้า” หรือ ความต้องการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่ได้มีแต่เฉพาะในไทย แต่ยังรวมถึงเครือข่ายต่างประเทศ และคนต่างชาติที่ให้การสนับสนุนด้วย ซึ่งนั่นหมายถึงพลังอันมหาศาล ที่จะประมาท หรือ ปรามาสไม่ได้แม้แต่นิดเดียว
ส่วนพลังปกป้องสถาบันฯ ที่กำลังขยับตัวเคลื่อนไหวอยู่ในเวลานี้ ส่วนใหญ่จะเป็นคนไทย และเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศ และหลายคนเชื่อว่า จะยังเป็นพลังอันเหนียวแน่น ที่จะไม่ยอมให้ใครมาล่วงละเมิด หรือ ล้มล้างสถาบันฯเป็นอันขาด
เมื่อเป็นเช่นนี้ การแสดงออกถึง “พลังอันมหาศาล” หรือ “เหลืองทั้งแผ่นดิน” นั้น ไม่แน่ใจว่าจะช่วยให้กลุ่มผู้ชุมนุมเยาวชนปลดแอก หรือ ม็อบปฏิรูปสถาบันฯ เห็นถึงความต้องการของคนส่วนใหญ่ ที่ระบอบประชาธิปไตย สอนให้ยอมรับ หรือไม่ หรือ ยังคงดันทุรังต่อไปตามใบสั่งผู้อยู่เบื้องหลัง หรือพลังกดดันแบบกฎหมู่ และนับวันจะเป็นอนาธิปไตยขึ้นทุกวัน เพราะไม่มีแกนนำ ที่เรียกตัวเองเป็นนักประชาธิปไตย แต่ใจเผด็จการ
เพราะถ้าเชื่อมั่นในประชาธิปไตยอย่างแท้จริงแล้ว ต่อให้ต้องรับฟังเสียงเยาวชนคนรุ่นใหม่ ก็ใช่ว่าจะต้องทำตามข้อเรียกร้องต้องการของคนที่ออกมาม็อบ เมื่อเทียบกับคนทั้งประเทศ หรือ ที่ผลสำรวจชี้ว่ามีถึง 98 เปอร์เซ็นต์
เอาเป็นว่า ยอมรับฟัง แต่ทำตามหรือไม่ อย่างไร ให้เป็นไปตามขบวนการตัดสินใจแบบประชาธิปไตยได้หรือไม่
ไม่เช่นนั้น ก็ต้องทำใจล่วงหน้าเอาไว้ได้เลยว่า ไม่มีทางออกของการต่อสู้เรื่องนี้อย่างแน่นอน เพราะอะไร เชื่อว่าทุกคนรู้อยู่แก่ดีอยู่แล้ว นั่นคือ การเรียกร้องที่สูงเกินกว่าคนไทยจะรับได้นั่นเอง แค่นี้ก็จบแล้ว!