xs
xsm
sm
md
lg

“อนุดิษฐ์” ย้ำประกาศฉุกเฉินไม่ชอบด้วย กม.มั่นใจศาลแพ่งให้ความเป็นธรรม

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ
“อนุดิษฐ์” ย้ำประกาศฉุกเฉินไม่ชอบด้วย กม. ชี้คำร้องศาลแพ่ง “แหลมคม-ตรงเป้า-ตรงประเด็น” เลกเชอร์ “บิ๊กตู่” สถานการณ์ฉุกเฉินร้ายแรง ต้องมีการก่อการร้าย นี่แค่ขับไล่นายกฯ แค่ลาออกก็จบ มั่นใจศาลแพ่งให้ความเป็นธรรม ปชช.-นศ.-เยาวชน ได้ชุมนุมโดยชอบธรรมแน่

จากกรณีที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย, นายจิรายุ ห่วงทรพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย และ นายธนวัฒน์ วงค์ไชย แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ยื่นคำร้องต่อศาลแพ่ง เพื่อให้เพิกถอนประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และไต่สวนขอคุ้มครองชั่วคราวการชุมนุม ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาฯ เมื่อวันที่ 20 ต.ค. 63 ที่ผ่านมานั้น

วันเดียวกัน (20 ต.ค.) น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในหัวข้อ “แหลมคม-ตรงเป้า-ตรงประเด็น” โดยระบุว่า ไม่ทราบว่า ทำไม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงลงนามในประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในเขตท้องท่ี กทม. แต่ผลทำให้การชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชน ที่เป็นไปตามสิทธิ เสรีภาพ และต้องได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนั้น “ถูกละเมิด” ในทันที ทำให้การชุมนุมที่ “ถูกกฎหมาย” กลายเป็น “ผิดกฎหมาย” แถมเจ้าหน้าที่รัฐยังบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มที่ ถึงขั้นสั่งใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แม้ยังไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงก็ออกประกาศแบบนี้ได้ด้วยหรือ

“คนแรกที่ตั้งคำถามนี้ คือ คุณหมอชลน่าน ศรีแก้ว และ ส.ส.จิรายุ ห่วงทรัพย์ เรานั่งหารือและเห็นตรงกันว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ชอบด้วยกฎหมายและขัดต่อรัฐธรรมนูญแน่ๆ เพราะเหตุผลข้ออ้างในการประกาศฉบับนี้ ไม่ได้เป็นไปตามเงื่อนไขที่บัญญัติไว้ในมาตรา 4 และ มาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน” น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ

ข้ออ้างที่ว่า มีบุคคลหลายกลุ่มได้เชิญชวน ปลุกระดม และดำเนินการให้มีการชุมนุมสาธารณะโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายนั้น พบว่า เป็นการชุมนุมทางการเมืองที่เกิดขึ้นโดยสงบและปราศจากอาวุธ วัตถุประสงค์ของผู้ชุมนุมก็คือ เพื่อขับไล่นายกรัฐมนตรี อันเป็นการแสดงเจตนารมณ์ทางการเมือง เนื่องจากไม่ไว้ใจการบริหาร และการเข้าสู่ตำแหน่งด้วยการยึดอำนาจและสืบทอดอำนาจผ่านรัฐธรรมนูญที่เขียนขึ้นเอง ดังนั้น การชุมนุมดังกล่าวจึงเป็นสิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย ตามที่รัฐธรรมนูญมาตรา 44 ให้ความคุ้มครองไว้ และเป็นไปตามนัยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 73/2556 นอกจากนี้ การชุมนุมสาธารณะที่เกิดขึ้น เป็นรูปแบบการชุมนุมที่ไม่มีผู้จัดและไม่มีแกนนำ โดยผู้ชุมนุมต่างคนต่างไป และถือว่าทุกคนที่ไปร่วมชุมนุมเป็นแกนนำทุกคน กรณีนี้จึงไม่ต้องด้วยเหตุตามมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติการชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 ที่จะต้องแจ้งการชุมนุมเนื่องจากไม่มีผู้จัดการชุมนุมสาธารณะตามกฎหมาย

ที่สำคัญก็คือ สถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงนั้น จะต้องมีการก่อการร้าย การใช้กำลังประทุษร้ายต่อชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สิน หรือมีเหตุอันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำที่มีความรุนแรงกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ ความปลอดภัยในชีวิตหรือทรัพย์สินของรัฐหรือบุคคล แต่การชุมนุมที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 63 และวันต่อๆ มา ไม่ปรากฏว่ามีเหตุร้ายแรงดังกล่าวเกิดขึ้นแต่อย่างใด ดูได้จากการกระทำความผิดตามที่เจ้าหน้าที่แจ้งข้อกล่าวหาแก่ผู้ชุมนุม เป็นความผิดเล็กน้อยที่เกิดจากการไม่แจ้งการชุมนุม การไม่ขออนุญาตใช้เครื่องขยายเสียง ความผิดตามกฎหมายจราจร และความผิดเกี่ยวกับการรักษาความสะอาด ส่วนที่อ้างว่ามีความจำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาให้ยุติได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันท่วงทีนั้น ก็สามารถกระทำได้ โดย พล.อ.ประยุทธ์ “ยอมลาออก” จากตำแหน่งที่ได้มาโดยไม่ชอบ เปิดทางให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยประชาชน สถานการณ์ทั้งปวงจะได้รับการคลี่คลาย ประชาชนก็จะ “เลิกชุมนุม” ไปเอง

ด้วยเหตุนี้ เราจึงเชื่อว่า การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงนี้ จึง “ไม่ชอบ” ด้วยมาตรา 4 และมาตรา 11 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เมื่อเช้านี้ คุณหมอชลน่าน, ส.ส.จิรายุ และ น้องบอล ธนวัฒน์ วงค์ไชย ได้ไปยื่น “เพิกถอน” ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง และไต่สวน “ขอคุ้มครองชั่วคราว” การชุมนุม ที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาฯ หากประกาศดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ก็จะทำให้ข้อกำหนด และคำสั่งที่ออกตามประกาศดังกล่าว สิ้นผลลงไปด้วย นักเรียน นิสิต นักศึกษา และปวงชนชาวไทยทุกคน ก็จะได้รับสิทธิหรือเสรีภาพและความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ ที่ถูกละเมิดกลับคืนมา

“ขอบคุณพี่หมอชลน่าน ขอบคุณน้องยุ (นายจิรายุ) น้องบอล (นายธนวัฒน์) ที่ไปทำหน้าที่แทนพวกเราทุกคน แหลมคม ตรงเป้า และตรงประเด็น ไม่ต้องอ้อมค้อม ผมหวังว่าทุกคนจะได้ออกไปชุมนุมตามเรียกร้องตามสิทธิเสรีภาพของตัวเองภายใต้กฎหมาย และผู้ชุมนุมที่เป็นเยาวชน คนไทย จะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายที่ชอบธรรม เหมือนในอดีตทุกประการ” น.อ.อนุดิษฐ์ ระบุ

Log into Facebook | Facebook

Log into Facebook to start sharing and connecting with your friends, family, and people you know.




กำลังโหลดความคิดเห็น