"เศรษฐพงค์" แนะ "ว่าที่ กสทช." ปรับแนวกำกับดูแลอุตสาหกรรม ICT ให้สอดคล้องยุคเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อประโยชน์ขับเคลื่อนพัฒนานวัตกรรม
วันนี้ (19 ต.ค.63) พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจ และสังคม (ดีอีเอส) สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงความคืบหน้ากระบวนการสรรหากรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชุดใหม่ที่เริ่มเปิดรับสมัครแล้วว่า ในโอกาสที่จะมีการสรรหา กสทช.ชุดใหม่ จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีในการปรับแนวทางการทำงานโดยเฉพาะงานด้านกำกับ การควบคุม โดยเมื่อไม่นานมานี้ทางสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ITU) และธนาคารโลกได้มีการเอกสารที่น่าสนใจฉบับหนึ่งที่ชื่อ Digital Regulation Handbook โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะได้แนะนำองค์กรกำกับดูแลหรือหน่วยงานกำกับนโยบายทั่วโลกที่จะอำนวยประโยชน์ให้กับประชาชนและหน่วยธุรกิจต่าง ๆ จากการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคดิจิทัลเศรษฐกิจและสังคม เนื้อหาในรายงานฉบับนี้นอกจากพูดถึงการกำกับดูแลอุตสาหกรรม ICT ภายใต้การเปลี่ยนแปลงดิจิทัล (Digital Transformation) ยังได้มีการแนะนำวิสัยทัศน์การดูแลและเครื่องไม้เครื่องมือรวมทั้งเวลาที่เหมาะสมในการออกนโยบาย วิวัฒนาการในการกำกับดูแลได้มีการเริ่มต้นตั้งแต่ยุค 1st Generation และในขณะนี้เข้าสู่ยุคที่ 5th Generation ซึ่งปรัชญาและนโยบายแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากแนวทางการกำกับดูแลในยุคดั้งเดิมที่ใช้วิธีออกคำสั่งและไปควบคุมซึ่งเหมาะสำหรับในยุคที่กิจการสื่อสารเป็นการผูกขาด
พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าวอีกว่า ในยุคต่อมาเข้าสู่การเปิดเสรีและให้เอกชนเข้ามาแข่งขันก็เน้นในเรื่องทำให้เกิดการแข่งขันเสรีและเป็นธรรม ในยุคที่ 3 และยุคที่ 4 เป็นยุคที่มีการสร้างนวัตกรรมไอซีทีขึ้นมากการกำกับดูแลเน้นการให้เกิดประโยชน์จากนวัตกรรมเหล่านี้ทั้งในแง่เศรษฐกิจและสังคม ซึ่งในหลายประเทศการกำกับดูแลไม่สอดคล้องกับนวัตกรรมที่เกิดขึ้น ทำให้ประเทศขาดโอกาสในการพัฒนาเป็นอย่างมาก แต่ในยุคที่ 5 ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยี Automation, AI, 5G, หุ่นยนต์ และ Internet of Things (IoT) นวัตการรมในการดูแลกิจการสื่อสารได้ขยายขอบเขตขึ้นมาก และสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่ได้มีผลต่อุตสาหกรรมสื่อสารเท่านั้น แต่จะส่งผลไปอุตสาหกรรมที่สำคัญของประเทศอีกเป็นอันมาก เพราะจะทำให้เรื่องการเปลี่ยนแปลงของสู่ยุคดิจิทัลจะเกิดขึ้นในหลายวงการ
"หนึ่งในนโยบายที่สำคัญคือการกำกับดูแลการข้ามอุตสาหกรรมที่จะต้องเน้นความร่วมมือกันระหว่างองค์กรกำกับดูแลในอุตสาหรรมต่างๆ การเป็นผู้กำกับดูแลนอกจากจะต้องมีความรอบรู้ในทางเทคโนโลยีเหล่านี้ ยังต้องมีวิสัยทัศน์ในการดูแล ไม่เน้นการควบคุม เพื่อยังประโยชน์ในอุตสาหกรรมอื่นๆด้วยที่จะนำเทคโนโลยีเหล่านี้ นอกจากนี้การกำกับดูแลควรจะต้องเป็นลักษณะ Proactive ที่จะต้องมีความสามารถคาดการณ์ได้ว่าทิศทางของตลาดที่ไม่ใช่แต่เฉพาะตลาดสื่อสารเท่านั้นแต่หมายรวมไปถึงตลาดอื่นๆที่จะมีแนวโน้มการยกระดับเข้าสู่ยุคดิจิทัล แต่ถ้าองค์กรกำกับดูแลยังมีวิสัยทัศน์เหมือนยุค 1st Generation ที่มีมุมมองเฉพาะการกำกับดูแลที่เน้นการออกคำสั่งและเข้าควบคุม จะทำให้ประเทศขาดโอกาสในการมาถึงของเทคโนโลยีเหล่านี้ได้" พ.อ.เศรษฐพงค์ กล่าว.