มามุกไหนแน่!? “อานนท์” ฮึ่ม “ยึดทำเนียบ” ไล่ “ประยุทธ์” หลัง “ชู 3 นิ้ว” ส่งเสด็จ ตร.เบรกทันควัน ไม่เหมาะ “ลุงไพศาล” พูดเป็นนัย เย้ยไม่ได้ชูเลยสักนิ้ว “สุวพันธุ์” ซัดพวกแตะต้องล่วงล้ำก้ำเกินสถาบันฯ คนไทยกว่าสิบล้านเจ็บปวด
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (11 ต.ค. 63) นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบคณะราษฎร โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า
“14 ตุลา หลังส่งเสด็จด้วยการชู 3 นิ้วที่ราชดำเนิน ขบวนประชาชนทั้งหมดจะเคลื่อนขบวนไปตั้งเวทีปราศรัยไล่ประยุทธ์และพักค้างรอบทำเนียบรัฐบาล
ขอเชิญทุกท่านมาไล่ประยุทธ์ด้วยกัน นอนค้างบนถนนร่วมกับพี่น้องประชาชน.”
อย่างไรก็ตาม พลันมีข่าวนี้ออกมา แหล่งข่าวจากฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยถึงความพร้อมในการดูแลผู้ชุมนุมว่า
เบื้องต้นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ สั่งการกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ให้เตรียมตำรวจชุดควบคุมฝูงชน เป็นแกนหลักปฏิบัติภารกิจการรักษาความปลอดภัยและรักษาความสงบเรียบร้อยของการชุมนุม ซึ่งจะใช้แผนรับมือเหมือนกับการชุมนุมที่บริเวณ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และบริเวณสนามหลวง เมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. ที่ผ่านมา
ทั้งนี้จากการประเมินแล้ว คาดว่าผู้ร่วมชุมนุมไม่น่าจะมากเกินกว่าวันที่ 19 ก.ย. ส่วนกรณีที่แกนนำคณะราษฎรระบุว่า จะไม่ขวางเส้นทางขบวนเสด็จฯ แต่จะให้ผู้ร่วมชุมนุมยืนสงบพร้อมกับชู 3 นิ้วนั้น ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังพยายามพูดคุยเจรจากับทางแกนนำว่า การแสดงสัญลักษณ์ดังกล่าว ไม่เหมาะสม ซึ่งเชื่อว่าสามารถพูดคุยกันได้ และหวังว่าทางแกนนำจะเข้าใจรับฟัง เหมือนกับวันที่ 20 ก.ย. ที่ผ่านมาที่ทางแกนนำก็ยอมรับฟังและไม่ฝืนเคลื่อนขบวนมวลชนปะทะเจ้าหน้าที่เพื่อไปทำเนียบองคมนตรี
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol ของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์หัวข้อ “#ท่าจะไม่ได้ชูสักนิ้ว!!!”
โดยระบุว่า “ลมเปลี่ยนทิศแล้ว! ลมฟ้าอากาศมี 2 กระแส คือ "กระแสลมนอก" ที่พัดมาแต่ "ทะเลนอก" เป็นพายุพัดบ้านเรือนราษฎรพังพินาศ น้ำท่วมเรือกสวนไร่นา ราษฎรได้รับความเดือดร้อนเป็นอันมาก
และ "กระแสลมพลัด" ที่พัดใน "ทะเลใน" มี 3 ชนิด คือลมพลัดหลวง ลมพลัดกลาง และลมพลัดยา* พัดพาความชุ่มชื่น ร่มเย็น แผ่นดินเขียวขจี ราษฎรแจ่มใสเป็นสุข!
กระแสลมเปลี่ยนทิศทันเวลา ปวงประชาจึงได้มีโอกาส ร่วมเข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ต้อนรับเสด็จในวันที่ 14 ตุลาคมนี้
(* ตำราว่าด้วยความผันแปรแห่งลม จากสามก๊ก ตอนขงเบ้งพญามังกรแห่งโงลังกั๋ง โดยเรืองวิทยาคม พิมพ์โดยบริษัทธรรมนิติเพลสจํากัด)”
และก่อนหน้านี้ไม่นาน นายไพศาลโพสต์หัวข้อ “#ดูท่าจะไม่ได้ชูสักนิ้ว” เช่นกัน
เนื้อหาระบุว่า 1. การปลุกกระแสอุ่นม็อบในต่างจังหวัดก่อนเคลื่อนพลแผ่วมาก มวลชนเผ่นเหลือต่ำร้อยโดยทั่วไป
2. แว่วข่าวว่า การเช่ารถตู้ขนคนเข้ากรุง ได้ยกเลิกเป็นส่วนใหญ่แล้ว
3. เจ้ามือเช่ารถสุขามาบริการก็รู้ตัวว่าไม่ได้เข้ามาจอดแน่ จึงไม่ยอมวางมัดจำ
นี่คือวิบากขนาดกระจุ๋มกระจิ๋มของการแถลงว่าจะชูสามนิ้วโชว์ขบวนเสด็จ และจะให้ขบวนเสด็จเปลี่ยนเส้นทางเสด็จ***
จับตาดูคลื่นแห่งความจงรักภักดีอันบริสุทธิ์ของมหาชน ที่ทนเห็นพระมหากษัตริย์ถูกระรานไม่ไหวแล้ว จะถั่งโถมดุจดังคลื่นในพระมหาสมุทร****
เพื่อนพ้องน้องพี่ทั้งหลาย!!!
วันที่ 14 ตุลาคมจะไปร่วมเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ที่ตรงไหนก็เตรียมถามเส้นทางไว้ก่อนได้!!!!”
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในฐานะประธานกรรมาธิการวิสามัญการพิทักษ์และเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ วุฒิสภา เปิดเผยว่า
ตนขอพูดความรู้สึกในใจในวาระพิเศษเพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จ พระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่มีต่อปวงชนชาวไทยมา อย่างยาวนานและไม่มีที่สิ้นสุด แม้พระองค์ท่านจะจากพวกเราไปแล้วก็ตาม ความทรงจำ ความจงรักภักดี มิได้เสื่อมคลายลงไปแม้แต่น้อย พูดแบบคนไทยทั่วไปว่า คิดถึงพระองค์ท่านเหลือเกิน ดีใจเหลือเกินที่พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงงานเพื่อ สืบสาน รักษา ต่อยอดที่สมเด็จพระราชบิดาได้ทรงงานไว้
“สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับสังคมไทยมากว่า 700 ปี พระมหากษัตริย์กับราษฎรมีความรัก ใกล้ชิด และเกื้อกูลต่อกันมาอย่างยาวนาน เวลานี้น่าเสียใจที่มีคนบางคนกระทำการที่ล่วงล้ำก้ำเกิน ขาดซึ่งความควรหรือมิบังควร ที่สำคัญที่สุดคือ คนเหล่านั้นไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึก ของคนไทยนับสิบๆล้านคนที่ต้องอดทนอย่างที่สุดกับการที่ต้องรับฟัง รับทราบ หรืออ่านเรื่องราวที่บีบคั้นหัวใจ
คนเหล่านั้นเขียน พูด แบบนั้นได้อย่างไร ทั้งดูถูก ดูหมิ่น ให้ร้าย ไม่ได้ให้ความเคารพ ต่อความเป็นมนุษย์ของทุกฝ่าย แม้แต่คนธรรมดาเขายังไม่ทำกับคนธรรมดาด้วยกันเลย ผมไม่ได้พูดเองคิดเองนะ ผมพูดจากความรู้สึกของคนจำนวนมากที่ผมได้ไปพบมา ได้ไปพูดคุยด้วย ได้อ่าน ได้ดูความเห็นที่เขาระบายออกมาภายในกลุ่มผ่านสื่อสังคมออนไลน์” นายสุวพันธุ์กล่าว
นายสุวพันธุ์กล่าวว่า กรรมาธิการวิสามัญฯมีหน้าที่และอำนาจในการทำงานที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้ติดตามทุกประเด็นที่กำลังเกิดขึ้นอย่างเป็นห่วง และยังพอวางใจได้ว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานไปได้มากพอสมควร รู้ข้อเท็จจริงเกือบทุกมิติที่เกี่ยวข้องตัวบุคคล เรื่องราว ความเชื่อมโยง ความคิด ที่สำคัญเป้าหมายของคนบางคนเป็นอย่างไร เป็นอย่างพวกเขาพูด หรือมีอะไรที่ยิ่งกว่าที่ไม่ได้พูด ตนปล่อยให้กฎหมายดำเนินไป ใครทำถูก ใครทำผิด ก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเอง แต่ก็มีคนจำนวนมาก บอกผ่านมายังผมว่า ต้องทำงานกันให้มากกว่านี้ ไม่ควรปล่อยปละละเลย....
ส่วนการชุมนุมวันที่ 14 ต.ค.นั้นคงห้ามไม่ได้ ทุกฝ่ายเข้าใจดีถึงความรู้สึกของคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เพียงแต่ไม่พูดยอมรับกันออกมาอย่างเปิดเผย เพราะเป็นเรื่องเหลี่ยมคูการชุมนุม ตนอยู่กับการชุมนุมและกิจกรรมทางการเมืองมานานพอสมควรตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยจนทำงานเกษียนจึงเห็นทุกเรื่องราว เข้าใจปัจจัยของความสำเร็จและความล้มเหลว รับรู้ถึงเกมที่ คนอยู่เบื้องหลังเล่น แกนนำทำงาน ผู้ชุมนุมเป็นพลังหน้างาน ยังเคยคิดว่างานชุมนุมก็เหมือนเกม บนกระดานหมากรุก มีครบตั้งแต่คนเดินหมากไปจนถึงขุนถึงเบี้ย เคยเห็นรับรู้รับทราบความเจ็บปวดของผู้ชุมนุม เวลาผ่านไปเป็นสิบปีก็ไม่สามารถผ่อนคลายความเจ็บปวดนั้นได้ ทุกครั้งที่มีการชุมนุมก็จะมีความเสี่ยงต่อการความรุนแรงเสมอ ไม่มีใครอยากให้เกิด
“แต่อารมณ์ที่ควบคุมไม่ได้ อารมณ์ที่ถูกปลุกถูกยุระหว่างการชุมนุม มันไม่เข้าใครออกใคร สมัยก่อนมาจากบนเวที แต่วันนี้มัน ไม่ได้มาจากบนเวทีอย่างเดียว มันมาในทวิตเตอร์หรือไลน์ก็ได้ บางเวลาคนปลุกคนยุไม่ได้อยู่ในที่ ชุมนุมด้วยมั้ง สติและปัญญาจึงเป็นสิ่งสำคัญ อะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ผมคิดว่าทุกคนสามารถ คิดได้ ไม่อยากเห็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยทุกฝ่าย แต่อย่างที่บอกพอก้าวเท้าลงถนน ความเสี่ยง ก็จะมาพร้อมกัน ขอฝากความห่วงใยไว้กับทุกฝ่ายทุกคน”
แน่นอน, ประเด็นยังคงวนเวียนอยู่กับสถานการณ์การชุมนุมของ ม็อบคณะราษฎร ในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ ว่าจะเกิดอะไรที่เป็นเหตุเกินกว่าคาดเดาหรือไม่ และจบลงอย่างไร
แต่ทุกคำเตือน ทุกความเป็นห่วง เป็นกังวล และความเจ็บปวดของคนไทยส่วนใหญ่ ก็คือ ม็อบคณะราษฎร ต้องการเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์นั่นเอง และยิ่งกว่านั้น ข้อเรียกร้อง 10 ข้อ ที่ถูกนำมาขยายผล เพื่อที่จะวิพากษ์วิจารณ์อย่างตรงไปตรงมา ก็ล้วนเป็นข้อเรียกร้องที่ “ล่วงล้ำก้ำเกิน” อย่างที่ นายสุวพันธุ์ กล่าวเอาไว้
เหนืออื่นใด สิ่งที่ “สุวพันธุ์” สะท้อนออกมา ก็สอดรับกับ ที่ “ลุงไพศาล” ทำนายเอาไว้ล่วงหน้าว่า คลื่นประชาชนที่มีความจงรักภักดี ก็จะสำแดงให้เห็นในวันที่ 14 ตุลาคมนี้ด้วยเช่นกัน
ถือเป็นความบังเอิญของปรากฏการณ์พลังแห่งศรัทธากับม็อบคณะราษฎร ที่มาเกิดขึ้นพร้อมกัน!