xs
xsm
sm
md
lg

“แอดเทค ฮับ” ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 40 ล้านหุ้น เล็งนำหุ้นเข้าตลาด mai

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



"แอดเทค ฮับ" ยื่นไฟลิ่งขาย IPO จำนวน 40 ล้านหุ้น เล็งนำหุ้นเข้าตลาด mai โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.โกลเบล็ก เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย เผยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนใช้ในการดำเนินธุรกิจ

บมจ.แอดเทค ฮับ (ADD) ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูล (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 40 ล้านหุ้น คิดเป็น 25% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายหุ้น IPO และจะขอเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) โดยมีบริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บล.โกลเบล็ก เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น IPO กลุ่ม ADD แบ่งธุรกิจเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ (1) ธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก (2) ธุรกิจรับจ้างพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ และ (3) ธุรกิจอื่นๆ ที่มีการพัฒนาแพลตฟอร์ม (Platform) และระบบทางเทคโนโลยีสารสนเทศเป็นของตนเองเพื่อให้บริการแก่ผู้ใช้บริการ

รายได้หลักของกลุ่ม ADD ในช่วง 3 ปีที่ผ่านมามากกว่า 90% มาจากการเป็นผู้ให้บริการคอนเทนต์แก่ 3 บริษัท ได้แก่ (1) ADD (2) บริษัท มิตซุย ไอซีที จำกัด และ (3) บริษัท พร็อพเทค จำกัด ขณะที่รายได้จากการรับจ้างพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศมีสัดส่วน 3-5% และรายได้จากธุรกิจอื่น 1%

วัตถุประสงค์การใช้เงินจากการระดมทุนเพื่อพัฒนาและจัดหาข้อมูลดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจง (Exclusive Content), พัฒนาระบบบัญชี ภาษี และการอบรมออนไลน์, พัฒนาระบบการทำธุรกรรมทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Payment), ขยายธุรกิจด้านการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านอินเทอร์เน็ต, พัฒนาระบบด้านศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) รวมถึงใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน

บริษัทระบุว่า มีโครงการในอนาคตที่จะพัฒนาและจัดหาข้อมูลดิจิทัลที่มีลักษณะเฉพาะเจาะจง (Exclusive Content) ในปี 63 ใช้เงินราว 30 ล้านบาท พัฒนาระบบบัญชี ภาษี และการอบรมออนไลน์ โดยบริษัทย่อย (Tham) ร่วมกับกลุ่ม บมจ.ธรรมนิติ สร้างโปรแกรมสำหรับทำบัญชีและยื่นภาษีออนไลน์ทั้งระบบขยายไปยังกลุ่มลูกค้าธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ในวงกว้างในปี 63 ใช้เงินราว 50 ล้านบาทพัฒนาระบบการอบรมออนไลน์ (Online Training) ร่วมกับธรรมนิติ คาดว่าจะดำเนินการได้ภายในปี 63

รวมทั้งมีโครงการพัฒนาแอปพลิเคชันนิติบุคคลสำหรับผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ (Smart Niti) โดยบริษัทย่อย (Prop) ภายในปี 63 และพัฒนาระบบแอปพลิเคชันสั่งอาหาร โดยบริษัทร่วมของบริษัท (Born) ได้ทำการพัฒนาบริการต่อยอดแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ "ครัวคุณต๋อย" โดยร่วมมือกับบริษัท ลาลามูฟ อีซี่แวน (ประเทศไทย) จำกัด เพิ่มบริการสั่งวัตถุดิบในการทำอาหารในปี 63

พัฒนาระบบการทำธุรกรรมทางการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Payment) เช่น การชำระเงิน และการโอนเงิน เป็นต้น ให้ทำผ่านทางโทรศัพท์และอุปกรณ์เคลื่อนที่ในปี 63 คาดใช้เงินลงทุน 50 ล้านบาท, ขยายธุรกิจด้านการตลาด โฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านอินเทอร์เน็ต โดยการเพิ่มบุคลากรด้านการตลาด และขีดความสามารถจัดเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลดิจิทัลของผู้บริโภคเพื่อขยายการทำธุรกิจด้านการโฆษณาทางช่องทางออนไลน์ (Digital Media Agency) ให้มากยิ่งขึ้นในปี 63 คาดใช้เงินลงทุน 30 ล้านบาท และพัฒนาระบบด้านศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าทางโทรศัพท์ (Telesales) ใช้เงินลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท

ผลประกอบการช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 59-61) รายได้จากการให้บริการมีมูลค่าเท่ากับ 163.85 ล้านบาท, 200.64 ล้านบาท และ 289.48 ล้านบาท ตามลำดับ หรือเพิ่มขึ้น 22.46% ในปี 60, เพิ่มขึ้น 44.28% ในปี 61 รายได้ส่วนใหญ่ ได้แก่ ธุรกิจ MVAS สัดส่วนการให้บริการมากกว่า 94% ของรายได้รวม โดยบริการแบบบอกรับสมาชิก (Subscription) มีสัดส่วนของรายได้มากที่สุด 93-94% ของรายได้รวม ส่วนกำไรสุทธิเท่ากับ 34.54 ล้านบาท, 44.29 ล้านบาท และ 29.29 ล้านบาท

ส่วนงวด 9 เดือนปี 62 มีรายได้ 229.02 ล้านบาท เทียบกับ 196.54 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 61 โดยมีกำไรสุทธิ 26.44 ล้านบาท ณ วันที่ 30 ก.ย. 62 บริษัทมีสินทรัพย์รวม 150.28 ล้านบาท หนี้สินรวม 64.36 ล้านบาท และส่วนของเจ้าของกลุ่มบริษัท 85.93 ล้านบาท

ณ วันที่ 30 ก.ย. 62 บริษัทมีทุนจดทะเบียนทั้งสิ้น 80,000,000 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญจำนวน 160,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท โดยเป็นทุนที่ออกและเรียกชำระแล้ว 60,000,000 บาท ภายหลังการออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้บริษัทจะมีทุนที่เรียกชำระแล้วเต็มจำนวน

โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท คือ กลุ่มตระกูลบุญประกอบศักดิ์ ถือหุ้น 89,346,000 หุ้น คิดเป็น 74.46% หลังเสนอขายหุ้นในครั้งนี้แล้วจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือ 55.84%

ทั้งนี้ บริษัทกำหนดนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิจากงบเฉพาะกิจการภายหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และเงินสำรองต่างๆ ทุกประเภทตามที่กำหนดไว้ในกฎหมายและข้อบังคับของบริษัท


กำลังโหลดความคิดเห็น