ดุเดือด “ส.ว.วันชัย” เสนอ 5 ข้อสู่ความสงบ หนึ่งในนั้น “โดดเดี่ยวล้มเจ้า” “ดร.อาทิตย์” ยกกลยุทธ์ “แมวดำแมวขาวขอให้จับหนูได้ก็พอ” ช่วย “ลุงตู่” อยู่ยาว “ปิยบุตร” เชื่อ ส.ส.ร.แก้ รธน.อีกนาน ลั่น! “รื้อระบอบประยุทธ์” ก่อน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (4 ต.ค. 63) เฟซบุ๊ก ทนายวันชัย สอนศิริ ของ นายวันชัย สอนศิริ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) โพสต์ข้อความระบุว่า
“ผมพิจารณาแล้วว่า ในสถานการณ์ของบ้านเมืองขณะนี้ และต่อไปในภายหน้า ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองจะเกิดขึ้น และสถาบันหลักของประเทศชาติจะมั่นคง จะต้องมีการดำเนินการดังต่อไปนี้
1. การปรองดองสมานฉันท์จะต้องเกิดขึ้น
2. การประนอมอำนาจระหว่างกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจะต้องมีขึ้น
3. การนิรโทษกรรมจะต้องตามมา
4. การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เกิดความเป็นธรรมก็จะต้องมีขึ้นแน่นอน
5. พวกล้มเจ้า ก้าวล่วงสถาบัน จะต้องถูกโดดเดี่ยว
ในห้าเรื่องนี้จะต้องเกิดขึ้นไม่ช้าก็เร็ว แต่เรื่องใดจะเกิดก่อนหรือหลังก็คงแล้วแต่สถานการณ์”
ขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก Arthit Ourairat ของ ดร.อาทิตย์ อุไรรัตน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์ข้อความ ระบุว่า
ไม่มีใครทำอะไรได้หรอก รัฐบาลรัฐประหารนี้จะสามารถทำลายสถิติอยู่นานที่สุดของรัฐประหารไทยได้
เพราะมีเล่ห์เหลี่ยม กลเม็ดเด็ดพราย อุบายแยบยล ลับลวงพราง เหนือกว่าใคร
ใช้กลยุทธ์ “แมวดำแมวขาวขอให้จับหนูได้ก็พอ”
ม็อบก็ไม่มีพลัง โดนกำราบหมด
รับรองอยู่ยาวแน่นอน...”
ขอบคุณข้อมูลและภาพ เพจเฟซบุ๊ก Arthit Ourairat
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ เพจเฟซบุ๊ก The Reporters รายงานข่าว หัวข้อ ตั้ง ส.ส.ร.ไม่พอ ‘ปิยบุตร’ ชี้ ต้องรื้อ ‘ระบอบประยุทธ์’ จี้ รัฐบาลเปิดเสรีภาพการชุมนุม หยุดใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ
เนื้อหาระบุว่า ที่อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 โดยระบุว่า จากทิศทางแล้ว น่าจะเป็นไปได้ที่คงมีการเคลียร์กันเรียบร้อยแล้ว โดยสมาชิกวุฒิสภา อาจลงมติผ่านวาระ 1 ในญัตติที่ให้มีการเปิดทางตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ขึ้นมา และร่างนี้ก็น่าจะผ่าน แต่ในเรื่องอื่นๆ ญัตติอื่นๆ นั้น ไม่แน่ใจ
แต่อย่างไรก็ตาม ตนเห็นว่า การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อให้มี ส.ส.ร.แต่เพียงอย่างเดียวน่าจะไม่เพียงพอ เพราะกว่าเราจะได้ ส.ส.ร.กว่าที่ ส.ส.ร.จะทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับเสร็จ น่าจะกินเวลานานหลายปี ซึ่งเผลอๆ รัฐบาลชุดนี้อาจจะอยู่จนครบเทอม และนั่นเท่ากับว่า เราจะอยู่กับระบอบประยุทธ์ที่สร้างขึ้นมาจากรัฐธรรมนูญ 2560 ต่อไปเรื่อยๆ
ดังนั้น ตนจึงเห็นว่า สิ่งสำคัญนอกจากทำให้มี ส.ส.ร. แล้ว จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญบางมาตราในรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย เพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ออก
“ระบอบประยุทธ์ตามรัฐธรรมนูญ 2560 ค้ำยันด้วย 1. ส.ว. 250 คน 2. องค์กรอิสระต่างๆ และ 3. แผนยุทธศาสตร์ชาติ แผนปฏิรูปประเทศต่างๆ
ดังนั้น ต้องเอาเรื่องนี้ออกไป ต้องเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ เพื่อรื้อระบอบประยุทธ์ ผมเชื่อว่า รัฐธรรมนูญที่ดีที่เรากำลังใฝ่ฝันซึ่งกำลังจะร่างกันใหม่ทั้งฉบับนั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นได้ภายใต้ระบอบประยุทธ์ รัฐธรรมนูญที่ดีไม่มีทางเกิดขึ้นได้ภายใต้การที่คุณประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังคงครองอำนาจอยู่ ซึ่งเราก็เห็นแล้วว่ารัฐธรรมนูญ 2560 มันเกิดมาจากกลไกพิการอย่างไรบ้าง
ถ้าหากปล่อยให้ระบอบประยุทธ์ยังคงอยู่ต่อไป เราก็อาจจะได้รัฐธรรมนูญที่คงปรับเพียงนิดเดียว กลายเป็นรัฐธรรมนูญ 2560 ที่แต่งหน้าทาปากเข้าไปเท่านั้นเอง ดูดีกว่าเดิมนิดหน่อย แต่ท้ายที่สุดโครงสร้างอำนาจยังเป็นอย่างเดิม ไม่ได้ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แน่นอน
นายปิยบุตร กล่าวด้วยว่า เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตราอื่นๆ อย่างน้อยๆ ก็คือ การตัดอำนาจ ส.ว.ในการร่วมเลือกนายกรัฐมนตรีก่อนก็ยังดี ซึ่งตนเห็นไกลไปกว่านั้น ก็คือ ควรยกเลิกไปเลย สำหรับ ส.ว.250 คน เพราะถ้าทำแต่เพียงมี ส.ส.ร. ท้ายที่สุดจะเข้าข่ายเป็นเพียงการซื้อเวลาเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีการชุมนุมของนิสิต นักศึกษา และประชาชนที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 ตุลาคม นายปิยบุตร กล่าวว่า ในการจัดชุมนุมหลายๆ ครั้งนั้นผ่านไปด้วยดี ซึ่งพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่านิสิตนักศึกษาที่จัดงาน เขาจัดอย่างมีวุฒิภาวะ ไม่ได้เป็นไปอย่างที่ใครกล่าวหาว่าเป็นการชุมนุมเพื่อกระตุ้นรุนแรงปิดเกมแต่อย่างใด
ที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่า ข้อกล่าวหานั้นไม่เป็นจริง ดังนั้น อยากฝากรัฐบาล เจ้าหน้าที่ ว่า คนเหล่านี้ที่เขาออกมาใช้เสรีภาพของตนเอง และเป็นคนที่มีความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง ควรต้องยุติกระบวนการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือได้แล้ว และควรเปิดให้ทุกคนได้ใช้เสรีภาพ เพราะถ้ารัฐบาลเข้มแข็งจริง ทำผลงานได้อย่างดีจริง โครงสร้างรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเอื้อประโยชน์ให้ขนาดนี้แล้ว รัฐบาลท่านคงไม่ได้ล้มในเร็ววันนี้อย่างแน่นอน อย่ากลัวจนเกินไป ควรเปิดพื้นที่ให้เขาได้แสดงออกมา
นายปิยบุตร ยังกล่าวด้วยว่า การชุมนุมครั้งนี้ ตนคิดว่า คงจะไม่ใช่แบบม้วนเดียวจบหรือไม่ชนะไม่เลิก อย่างนั้นไม่น่าจะใช้การได้ในยุคสมัยปัจจุบันแล้ว แต่เชื่อว่า การชุมนุมแต่ละครั้งได้ทำลายความชอบธรรมการมีอยู่ของรัฐบาลสืบทอดอำนาจได้เรื่อยๆ อยู่แล้ว และเชื่อว่า ถ้าพี่น้องประชาชนออกมาแสดงพลังให้เห็น อย่างน้อยๆ ผู้มีอำนาจในปัจจุบันก็ต้องคิดว่าท่านจะยังครองอำนาจอย่างนี้ต่อไป หรือคืนอำนาจประชาชนแล้วสร้างกติกากันใหม่ ถ้าจะกลับมาก็ต้องมาตามระบบปกติ ดังนั้น ถ้าคุณประยุทธ์คิดถึงลูกๆ หลานๆ คิดยาวๆ ท่านน่าจะออกไปได้แล้ว
#TheReporters #เดอะรีพอตเตอร์ #คณะก้าวหน้า #แก้ไขรัฐธรรมนูญ #การชุมนุมของนักศึกษา #ระบอบประยุทธ์
แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจอยู่ที่ข้อเสนอของ “ส.ว.วันชัย” 5 ข้อ เพราะนี่คือ เรื่องใหญ่ของประเทศ
นับแต่ประเด็นปรองดองของคนในชาติ ถือว่า เป็นภารกิจหลักของการทำรัฐประหารของคณะ “คสช.” เลยทีเดียว เพราะถ้ายังจำกันได้ สถานการณ์ก่อนรัฐประหาร คือ ความขัดแย้งรุนแรง ระหว่าง รัฐบาลเพื่อไทย คนเสื้อแดง และ กปปส. โดยไม่มีใครยอมใคร หรือถอยคนละก้าวแต่อย่างใด จนเท่ากับร่วมกันกวักมือเรียกทหารเข้ามาขัดตาทัพ เพื่อปฏิรูปประเทศ อย่าโทษใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลย
ดังนั้น ปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งหมด ทุกฝ่ายต้องร่วมกันรับผิดชอบ และร่วมกันแก้ไขปัญหา โดยปัดความรับผิดชอบไม่ได้
เรื่อง การประนอมอำนาจ ระหว่างกลุ่มผู้มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เรื่องนี้คือ สิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ถึงตอนนี้เชื่อว่า ทุกฝ่ายที่มีความเคลื่อนไหวทางการเมือง ล้วนมีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองทั้งสิ้น ไม่ว่าในหรือนอกสภา และไม่มากก็น้อย
การช่วงชิงอำนาจอยู่ในเวลานี้ จะประนอมอำนาจได้อย่างไร ยังมองไม่เห็นหนทาง เพราะฝ่ายที่ต่อสู้กันอยู่ ไม่อาจประนอมได้โดยง่าย เพราะข้อเรียกร้องสูงเกินกว่า จะแก้ไขด้วยการเมืองโดยลำพังได้ เพราะมี “เงื่อนไข” อีกมากมายเป็นตัวแปรสำคัญ และคนที่ต่อสู้ก็รู้อยู่แก่ใจดี
เพียงแต่วันนี้เขามี “ตัวประกัน” คือ อนาคตของ “คนรุ่นใหม่” ลูกหลานประชาชน มี “เหยื่อ” ที่พร้อมจะเสียสละตัวเอง คือแกนนำและมวลชนที่ออกมาชุมนุม ซึ่งก็คือ ลูกหลานประชาชน และท่ามกลางประชาชนส่วนใหญ่ ก็รับไม่ได้ที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งยังมีคนบางกลุ่มพร้อมปกป้องด้วยความจงรักภักดีด้วย
ถามจริง ใครคิดว่า เรื่องนี้ประนอมง่าย?
เรื่องนิรโทษกรรม เรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าทุกฝ่ายเห็นตรงกัน
ที่สำคัญคือ ข้อ 5 ที่ว่า พวกล้มเจ้า ก้าวล่วงสถาบัน จะต้องถูกโดดเดี่ยว ประเด็นก็จะย้อนกลับไปหาข้อ 2 เรื่องการประนอมอำนาจ ที่กำลังต่อสู้กันอย่างแหลมคม ถ้าประนอมได้ ทุกอย่างก็จบ และข้อ 5 ก็จะไม่มีพิษมีภัยอะไร
แต่ถ้าประนอมไม่ได้ นั่นหมายถึงการต่อสู้จะผูกมัดเอาข้อ 5 เข้าไปด้วย และถ้าคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการ “ให้มันจบที่รุนเรา” มีพลังอย่างมหาศาล จนยากต้านทาน ความขัดแย้งแตกแยกชนิดที่แตกเป็นเสี่ยงก็อาจเกิดขึ้นได้ และวันนั้นคือ ระเบิดเวลาอย่างที่บางฝ่ายขู่เอาไว้ อันจะนำมาซึ่งอันตรายต่อคนไทยทั้งประเทศ
เพราะฉะนั้น ก่อนที่จะสายเกินไป คนไทยทุกคนจะต้องช่วยกัน มีสติ และไม่สร้างเงื่อนไขที่นำไปสู่จุดนั้นได้ หรือ ถ้ายิ่งถอดชนวน “ระเบิดเวลา” เสียแต่วันนี้ได้ ก็นับว่าจะเป็นบุญของประเทศและคนไทยเลยทีเดียว