“รมต.อนุชา” เชิญชวน ปชช.ร่วมทำบุญวันสำคัญทางศาสนา แนะร่วมกันส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนา พลิกฟื้นการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ ย้ำการ์ดอย่าตกเวลาอยู่ในคนหมู่มาก
เมื่อวันที่ 30 ก.ย.63 เวลา 09.00 น. ณ ศูนย์แถลงข่าวรัฐบาล ตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธัมมจิตโต) กรรมการมหาเถรสมาคม เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร พร้อมด้วย นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมแถลงข่าวเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมกิจกรรมเนื่องในวันออกพรรษา 2563 "ออกพรรษา ใส่บาตร เติมบุญ หนุนชีวิต" โดยการสร้างกุศลตักบาตรเทโวโรหณะ และเป็นเจ้าภาพถวายผ้ากฐินทานตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ
โอกาสนี้ เจ้าประคุณ พระพรหมบัณฑิต (ประยูร ธัมมจิตโต) กล่าวว่า ในช่วงเข้าพรรษาที่ผ่านมา ชาวพุทธได้ทำหน้าที่สำคัญ 4 ประการ คือ ศึกษาธรรมมะ ปฏิบัติธรรมมะ เผยแผ่ธรรมมะ และอุปถัมภ์พระพุทธศาสนา เมื่อกระทำมาตลอดแล้ว ในช่วงออกพรรษา ก็ควรทำความดีต่อไปเหมือนกับเกลือรักษาความเค็ม ทำความดีต่อเนื่องให้เป็นนิสัย เป็นพุทธบูชา ในส่วนของกิจกรรมสำคัญภายหลังจากวันออกพรรษา 1 วัน คือ การตักบาตร ที่เรียกว่า ตักบาตรเทโวโรหณะ และภายหลังการออกพรรษา 1 เดือน จะเป็นเทศกาลกฐิน หรือที่เรียกว่ากฐินสามัคคี ซึ่งเป็นการแสดงถึงพลังความสามัคคีของชาวพุทธ โดยขอเดินทางไปทอดกฐินอย่างมีธรรมะ. เหมือนในสมัยพุทธกาลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงมาจากสวรรค์ในอาการเยื้องย่างที่งดงามเหมือนพระพุทธรูปปางลีลา
ด้าน นายอนุชา กล่าวว่า กิจกรรมสำคัญต่าง ๆ ในวันออกพรรษา เป็นส่วนสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงพลังของชาวพุทธ โดยเฉพาะบทบาทของ "บ้าน วัด และโรงเรียน" หรือ “บวร” เป็นแรงผลักดันให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง ซึ่งในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้การท่องเที่ยวหลายพื้นที่ซบเซา ดังนั้น จึงเชื่อมั่นว่าเมื่อมีการจัดงานบุญใหญ่ เช่น วันออกพรรษา หรือ วันมหาปวารณา รวมถึงงานบุญประเพณีตักบาตรเทโวโรหณะ และงานเทศกาลกฐิน จะเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นที่ต่อไป
รมต.สำนักนายกฯยังได้กล่าวเชิญชวนทุกภาคส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการจัดงานบุญใหญ่เพื่อเป็นพุทธบูชาช่วยทำนุบำรุงพระศาสนาให้อยู่ยั่งยืน รวมถึงให้สร้างเครือข่ายการท่องเที่ยวเชิงพุทธระหว่างหน่วยงานภาครัฐ บ้าน วัด โรงเรียน เพื่อร่วมกันส่งเสริมกิจกรรมในทุกวันสำคัญทางพุทธศาสนา ระดมทรัพยากรทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในการส่งเสริมกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวเชิงพุทธ พลิกฟื้นการท่องเที่ยวเชิงพุทธศาสนาให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง
“เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้รับประสบการณ์ต่างๆ เกี่ยวกับพุทธศาสนา อันจะส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตและจิตใจเป็นสำคัญ รวมถึงเป็นการแสวงบุญในมิติทางศาสนาและความเชื่ออีกด้วย จึงขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนร่วมพิธีสำคัญทางพระพุทธศาสนา มุ่งมั่นทำความดีเพื่อเป็นกุศลผลบุญแก่ตนเองและครอบครัว พร้อมกับขอให้ประชาชนยังคงปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคที่รัฐบาลกำหนด การ์ดอย่าตก สวมใส่หน้ากากอนามัย และหมั่นล้างมือ รวมทั้งเว้นระยะห่างทางสังคมเมื่อต้องอยู่ในคนหมู่มาก” นายอนุชา ระบุ.