xs
xsm
sm
md
lg

ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง อดีตพระพรหมดิลก คดีทุจริตเงินทอนวัด

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์

ผู้จัดการรายวัน 360 - ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตฯ แก้ยกฟ้องอดีตพระพรหมดิลก และพระผู้ช่วย พ้นข้อหาไม่ผิดฟอกเงินงบ พศ. 5 ล้าน ด้านทนาย ระบุ ลุ้นอัยการฎีกาหรือไม่

ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ถ.นครไชยศรี ศาลอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ คดีหมายเลขดำ อท.196/2561 ฟอกเงินทุจริตจัดสรรงบประมาณ พศ.ของ ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปราบการทุจริต 1 ได้ยื่นฟ้อง "นายเอื้อน กลิ่นสาลี" อดีตพระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา , กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) และเจ้าคณะกรุงเทพมหานคร กับ "นายสมทรง อรรถกฤษณ์" อดีตพระอรรถกิจโสภณและเลขาเจ้าคณะกรุงเทพ เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต เพื่อให้ความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานฯ , ร่วมกันฟอกเงินอันเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542

จากกรณีร่วมกันฟอกเงินที่อ้างว่ามีการทุจริตจัดสรรเงินงบประมาณสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ปี พ.ศ.2557 ให้กับวัดสามพระยา จำนวน 5 ล้านบาท ในงบส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรมทั้งที่ไม่มีการดำเนินโครงการ โดยเจ้าอาวาสวัดสามพระยา นำงบที่ได้มานั้นไปใช้ก่อสร้างอาคารร่มธรรมแทน ทั้งที่ไม่มีสิทธิได้รับเงินนั้นมาตั้งแต่แรก

จากการพิจารณาของศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 16 พ.ค. 62 ได้มีคำพิพากษา จำคุกอดีตพระพรหมดิลก อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา จำเลยที่ 1 ฐานร่วมกันฟอกเงิน 2 กระทงๆ ละ 3 ปี รวมจำคุก 6 ปี และนายสมทรง หรืออดีตพระอรรถกิจโสภณ จำเลยที่ 2 จำคุก 2 กระทงๆ ละ 1 ปี 6 เดือน รวมจำคุก 3 ปี

ต่อมา ทั้งอัยการโจทก์ และจำเลยทั้งสอง ได้ยื่นอุทธรณ์คดี โดยวันนี้จำเลยทั้งสองซึ่งได้รับการประกันตัวชั้นอุทธรณ์ สวมชุดขาวเดินทางมาศาลพร้อมทนายความที่จะฟังคำพิพากษา ขณะเดียวกันก็มีกลุ่มพระสงฆ์และกลุ่มฆราวาสลูกศิษย์ เดินทางมาให้กำลังใจระหว่างร่วมติดตามฟังคำพิพากษาด้วย

ทั้งนี้ ศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่นั้น

เรื่องการขออนุมัติงบศึกษาพระปริยัติธรรมนั้น ไม่ใช่เฉพาะวัดที่มีโรงเรียนศึกษาพระปริยัติธรรม แต่วัดสามพระยามีโรงเรียนสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ย่อมมีสิทธิในการใช้งบดังกล่าว ขณะที่จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลภายนอกไม่เกี่ยวกับการบริหารสำนักงาน พศ. อีกทั้งไม่มีหลักฐานว่าจำเลยทราบว่าเงินเกี่ยวกับการกระทำความผิด โดยในหนังสือยื่นคำขอระบุได้รับเงินเกี่ยวกับการบูรณะปฏิสังขรณ์ย่อมแสดงว่าจำเลยที่ 1 เข้าใจว่าเป็นงบบูรณะปฏิสังขรณ์ เมื่อได้รับงบ 5 ล้านบาทตามเช็คแล้วจำเลยได้มอบอำนาจให้มีการถอนเงินจ่ายค่าก่อสร้างอาคารร่มธรรม ซึ่งวัดมีการก่อสร้างอาคารและโอนเงินชำระหนี้จริงและจำเลยได้จ่ายเงินให้ผู้ดูแลการก่อสร้าง จึงเชื่อได้ว่าจำเลยในฐานะผู้ดูแลวัดได้นำเงินไปทำนุบำรุงวัด

แม้วัดสามพระยาไม่มีโรงเรียนพระปริยัติธรรม และไม่ได้นำเงินไปใช้โดยตรง ก็ไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนทรัพย์สินที่เป็นการกระทำความผิดมูลฐานฟอกเงิน ที่ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษนั้น ศาลอุทธรณ์ไม่เห็นพ้องด้วยอุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น จึงพิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องจำเลยทั้งสองในความผิดตาม พ.ร.บ.ฟอกเงินฯ มาตรา 5 , 10 , 60 ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น