xs
xsm
sm
md
lg

จำคุก “พนม” อดีต ผอ.สำนักพระพุทธฯ กับพวก ทุจริตเงินทอนวัดอีก คนละ 13 ปีเศษ คืนเงิน 21 ล้าน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม


นายพนม ศรศิลป์  อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ(แฟ้มภาพ)
จำคุก"พนม"อดีต ผอ.สำนักพระพุทธฯ "กับพวกอ่วมโดนคุก คดีทุจริตเงินทอนวัด สำนวน ที่ 4 คนละ 13 ปี 4 เดือน ให้คืนเงิน 21 ล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น.วันนี้ (19 พ.ค.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง นัดฟังคำพิพากษาคดีทุจริตการจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) สำนวนที่ 4 คดีหมายเลขดำ อท.32/2562 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพนม ศรศิลป์ อายุ 61 ปี อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.), นายบุญเลิศ โสภา อายุ 54 ปี อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศจ.ลำปาง, นางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร อายุ 51 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา, นายแก้ว ชิดตะขบ อายุ 54 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา, นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อายุ 50 ปี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา เป็นจำเลยที่ 1-5 ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ, ทำ, จัดการหรือรักษาทรัพย์ใด ร่วมกันเบียดบังทรัพย์นั้นเป็นของตนหรือเป็นของผู้อื่น โดยทุจริตหรือโดยทุจริตยอมให้ผู้อื่นเอาทรัพย์สินนั้นเสีย, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต, เป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ทำเอกสารฯ ทำการรับรองหลักฐานเป็นเท็จ, เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำความผิดดังกล่าว ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147, 157, 162 ประกอบมาตรา 83, 86 และ พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542

โดยพฤติการณ์แห่งคดีนั้น พวกจำเลยได้เบียดบังเอาเงินงบประมาณ ของสำนักงาน พศ. ไปเป็นประโยชน์ของตน โดยใช้วัดเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงินงบประมาณโดยมี สำนักงาน พศ. เป็นผู้เสียหาย โดยอัยการโจทก์ขอให้นับโทษจำเลยทั้ง 5 ต่อจากโทษในคดีอื่นๆ ด้วย

จำเลยทั้ง 5 ให้การปฏิเสธ พร้อมสืบพยานต่อสู้คดี ระหว่างพิจารณาคดี นายพนม อดีต ผอ.พศ.จำเลยที่ 1 และกลุ่มลูกน้อง ในสำนักงาน พศ.จำเลยที่ 2, 3, 4, 5 ไม่ได้ประกันตัว ปัจจุบันถูกคุมขังในเรือนจำ และทัณฑสถานหญิงกลาง

ขณะที่ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยในชั้นไต่สวนแล้ว พิพากษาว่า จำเลยที่ 1-4 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 147, 157, 162(4) ประกอบมาตรา 83 และ พ.ร.ป.ว่าด้วย ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 83 ซึ่งการกระทำของจำเลยที่ 1-4 เป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป โดยให้จำคุกฐานเป็นเจ้าพนักงาน ที่มีหน้าที่จัดการทรัพย์ได้เบียดบังทรัพย์นั้นไปโดยมิชอบฯ ซึ่งเป็นโทษบทหนักสุดรวม 2 กระทง โดยกระทงแรกจำคุกคนละ 14 ปีและกระทงที่ 2 อีกคนละ 6 ปี รวมจำคุกคนละ 20 ปี อย่างไรก็ดี ทางนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดีอยู่บ้างมีเหตุลดโทษให้ 1 ใน 3 คงจำคุกจำเลยที่ 1-4 ไว้คนละ 13 ปี 4 เดือน และให้ร่วมกันคืนหรือใช้เงินจำนวน 21,007,235 บาทแก่สำนักงาน พศ.ผู้เสียหายด้วย

โดยให้นับโทษของนายพนม อดีต ผอ.ผศจำเลยที่ 1 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อท. 253/2561, อท.254/2561, อท.257/2561 ของศาลอาญาคดีทุจริตฯ นี้ด้วย

ส่วน นายบุญเลิศ อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศจ.ลำปาง จำเลยที่ 2, นางพรเพ็ญ อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา จำเลยที่ 3, นายแก้ว อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา จำเลยที่ 4 ให้นับโทษต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อท.254/2561 ของศาลนี้ด้วย

ส่วน นายพัฒนา อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา จำเลยที่ 5 มีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 147 ประกอบมาตรา 86 ฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่จัดการทรัพย์ได้เบียดบังทรัพย์นั้นไปโดยมิชอบฯ ให้จำคุก 4 ปี และให้จำเลยที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1-4 ชดใช้เงิน 2,007,235 บาท คืนให้สำนักงาน พศ. ผู้เสียหายด้วย และให้นับโทษของจำเลยที่ 5 ต่อจากคดีอาญาหมายเลขดำ อท.2557/2561 เช่นกัน

นอกจากนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯยังได้อ่านคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อท.43/2562 (อ่านสำนวนที่ 5) ในคดีที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.),นายชยพล พงษ์สีดา อดีตรอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (ผอ.พศ.), นายณรงค์ เดชชัยเนตร อดีตผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา (พศ.), นายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาเป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต โดยพิพากษาว่าจำเลยทั้ง 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 (เดิม), 157 (เดิม) ประกอบมาตรา 83 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 123/1 ประกอบประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83 การกระทำของจำเลยทั้ง 4 เป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานเป็นเจ้าพนักงานเบียดบังทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 (เดิม) ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 90 จำคุกคนละ 6 ปี ทางนำสืบของจำเลยที่ 1, 2 เเละ 4 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดีอยู่บ้างมีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1, 2 เเละ 4 คนละ 4 ปี จำเลยที่ 3 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี ให้จำเลยทั้ง 4 ร่วมกันคืนหรือใช้เงินจำนวน 2 ล้านบาทแก่ผู้เสียหายกับให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำเลยที่ 1 ในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อท. 253/2561คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท 251/2562 คดีอาญาหมายเลขดำที่อท. 254/2561คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท.40/2563 คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท. 275/2561 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท.25/2563 คดีอาญาหมายเลขดำที่ อท.32/2562 คดีอาญาหมายแดงที่ อท.75/2563 ของศาลนี้

นับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษจำเลยที่ 2 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท. 257/2561 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท.25/2563 ของศาลนี้

นับโทษจำเลยที่ 3 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท. 257/2561 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท. 25/2563 ของศาลนี้

นับโทษจำเลยที่ 4 ต่อจากโทษของจำเลยที่ 4 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ อท. 257/2561 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อท. 25/2563 ของศาลนี้ นอกจากนี้ให้ยก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีทุจริตจัดสรรเงินงบประมาณ สำนักงาน พศ.สำนวนแรก ที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ กลาง ตัดสินนั้น คือ คดีหมายเลขดำ อท.253/2561 กรณีเอาเงินงบประมาณ ของ พศ. ไปเป็นประโยชน์ของตน โดยใช้วัดเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดรับโอนเงินงบประมาณ ที่พนักงานอัยการ สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นายพนม อดีต ผอ.พศ., นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีต ผอ.ส่วนบูรณะพัฒนาวัดและการศาสนสงเคราะห์ กองพุทธศาสนสถาน พศ., นายเจษฎา วงศ์เมฆ ฆราวาส ติดต่อหาวัด, นายชรินทร์ มิ่งขวัญ ฆราวาส ทำหน้าที่ติดต่อหาวัด จำเลยที่ 1-4 ที่ศาลให้จำคุกตั้งแต่ 1 ปี 8 เดือน-20 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 กับให้ร่วมชดใช้เงินจำนวน 12 ล้านบาทด้วย

สำนวนที่ 2 คดีหมายเลขดำ อท.251/2561 ร่วมอนุมัติเงินอุดหนุนที่อนุมัติโครงการอบรมคุณธรรม จริยธรรม 37 ล้านบาท และโครงการศูนย์กลางเผยแผ่กิจการพระพุทธศาสนา จำนวน 32.5 ล้านบาท ประจำปีงบประมาณ 2559 ให้วัดสระเกศราชวรมหาวิหารเพียงแห่งเดียว โดยมิชอบ ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 2 ยื่นฟ้อง นายพนม อดีต ผอ.พศ., นายชยพล พงษ์สีดา อายุ 64 ปี อดีตรอง ผอ.สำนักงาน พศ., นายณรงค์เดช ชัยเนตร อดีต ผอ.กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา, นายพัฒนา อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองส่งเสริมงานเผยแผ่พระพุทธศาสนา, พระพรหมสิทธิ ธงชัย สุขโข หรือ นายธงชัย สุขโข อายุ 64 ปี อดีตพระราชาคณะเจ้าคณะรอง/อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร/อดีตกรรมการมหาเถรสมาคม จำเลยที่ 1-5 ซึ่งศาลพิพากษาจำคุกตั้งแต่ 3 ปี-3 ปี 18 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 โดยส่วนของอดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศ ศาลให้ปรับ 27,000 บาท ส่วนโทษจำคุกให้รอลงอาญา 2 ปี (คดีทั้ง 2 สำนวนอยู่ระหว่างอุทธรณ์)

สำนวนที่ 3 คดีหมายเลขดำ อท.254/2561 กรณีกล่าวหาทุจริตการจัดสรรงบในส่วนอุดหนุนการศึกษาโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาประจำปีงบประมาณ 2557 วงเงิน 5 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 26 พ.ย. 46-15 ส.ค. 57 ที่พนักงานอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต 1 ยื่นฟ้องนายพนม อดีต ผอ.พศ., นายบุญเลิศ อดีต ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา พศจ.ลำปาง, นายแก้ว อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา, นางพรเพ็ญ อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ กองพุทธศาสนศึกษา, พระพรหมดิลก หรือ นายเอื้อน กลิ่นสาลี อายุ 75 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา/กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.)/เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร จำเลยที่ 1-5 ซึ่งศาลให้จำคุกจำเลยที่ 1, 3, 4 คนละ 12 เดือน ส่วนจำเลยที่ 2 จำคุก 9 เดือน สำหรับอดีตเจ้าอาวาสวัดสามพระยา จำเลยที่ 5 จำคุก 8 เดือนแต่ก็ให้รอลงอาญาไว้มีกำหนด 1 ปี และมีโทษปรับด้วย 8,000 บาท (คดีอยู่ระหว่างการอุทธรณ์)
กำลังโหลดความคิดเห็น