อดีตโฆษก ปชป.ยกคดี “วัฒนา” ถูกพิพากษาจำคุกแต่ยังอุทธรณ์ได้ สะท้อน รธน.60 ปราบโกงไม่จริง เปิดช่องยืดเยื้อ ทำลายความศักดิ์สิทธิ์คำพิพากษา ใช้คำพิพากษาหักล้างกันเอง ผิดหลักนิติวิธีทางกระบวนการยุติธรรม ลั่นต้องแก้ รธน.
วันนี้ (25 ก.ย.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว หัวข้อคดีวัฒนา เมืองสุข ตอกย้ำรัฐธรรมนูญปี 60 ปราบโกงไม่จริง มีเนื้อหาระบุว่า “เมื่อวานนี้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาจำคุกนายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 99 ปี ฐานเรียกรับประโยชน์โครงการบ้านเอื้ออาทร ซึ่งหากเป็นรัฐธรรมนูญปี 40 หรือปี 50 คดีนี้ถึงที่สุดนายวัฒนาเดินเข้าคุกสถานเดียว แต่ด้วยความย้อนแย้งของรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ร่างโดยนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ทำให้คำพิพากษาศาลฎีกาไม่ถึงที่สุด สามารถอุทธรณ์ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีพยานหลักฐานใหม่ เสมือนการพิจารณาพิพากษาซ้ำ 2 ครั้งในศาลเดียวกัน เพราะองค์คณะผู้พิพากษาครั้งแรกกับครั้งหลังก็มีที่มาจากที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเช่นเดียวกัน เป็นสิ่งที่ผิดหลักนิติวิธีทางกระบวนการยุติธรรมที่ให้ศาลฎีกาคือศาลสูงสุดและคดีถึงที่สุดโดยคำพิพากษาฎีกา แต่กลับให้เรื่องเดียวมีคำพิพากษาศาลฎีกา มาหักล้างคำพิพากษาศาลฎีกากันเอง จึงไม่รู้จะยึดถือคำพิพากษาฎีกาฉบับไหนเป็นแนว
การเปิดช่องให้อุทธรณ์คดีโกงของนักการเมืองได้ เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมไม่รับร่างรัฐธรรมนูญปี 60 ที่ขายฝันว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง เพราะมีความย้อนแย้งในตัวอย่างชัดเจน เราจะปราบโกงอย่างจริงจังได้อย่างไร ถ้าทำให้คดียืดเยื้อ อุทธรณ์ได้ นี่คือความย่อหย่อนในเชิงระบบที่กำหนดโดยรัฐธรรมนูญฉบับนี้ การอ้างว่าต้องให้อุทธรณ์ได้เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมในการต่อสู้คดีตามมาตรฐานสากลนั้นเป็นคำกล่าวอ้างที่ฟังไม่ขึ้น เพราะสิ่งที่กำหนดในรัฐธรรมนูญปี 50 ที่ให้อุทธรณ์ได้ต้องมีพยานหลักฐานใหม่ โดยให้ที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะรับอุทธรณ์หรือไม่นั้นมีความเหมาะสมแล้ว ทั้งการแสดงให้เห็นถึงความหนักแน่นในการจริงจังปราบโกง วางคดีทุจริตของนักการเมืองเป็นคดีพิเศษ ขณะเดียวกันก็ไม่ทำลายระบบศาล นี่เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ผมขอย้ำอีกครั้งว่ารัฐธรรมนูญปี 60 ต้องแก้ไขครับ” นายเชาว์ระบุ