นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินคดี “บ้านเอื้ออาทร” จำคุก 99 ปี อย่างไรก็ตาม น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ ได้ออกมาโพสต์ข้อความถึงนายวัฒนา ในฐานะอดีตเพื่อนร่วมอุดมการณ์ ระบุขอให้ยืนหยัดสู้เผด็จการต่อไป
วันนี้ (24 ก.ย.) นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 สมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางไปศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฟังคำตัดสินคดี “บ้านเอื้ออาทร” โดยศาลฎีกาฯ อ่านคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรเสร็จสิ้น โดยสั่งให้จำคุก นายวัฒนา จำเลยที่ 1 เป็นเวลา 99 ปี ตามกฎหมายให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี พร้อมจำคุกเสี่ยเปี๋ยง จำเลยที่ 4 เป็นเวลา 66 ปี ให้จำคุกได้สูงสุด 50 ปี จำคุกจำเลยที่ 5 เป็นเวลา 20 ปี จำเลยที่ 6 เป็นเวลา 44 ปี จำเลยที่ 7 เป็นเวลา 32 ปี ปรับจำเลยที่ 8 2 แสนกว่าบาท และจำคุก นายอริสมันต์ จำเลยที่ 10 เป็นเวลา 4 ปี ยกฟ้องจำเลยที่ 2, 3, 9, 11-14
อย่างไรก็ตาม ในวันเดียวกันนี้ น.ส.ณัฏฐา มหัทธนา หรือโบว์ แกนนำกลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ได้ออกมาโพสต์ข้อความ โดยได้ระบุถึงนายวัฒนา เมืองสุข ฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์ โดยได้ระบุข้อความว่า
“เขียนในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์
เมื่อเช้า 8.25 นาที คุณวัฒนาโทร.มาบอกว่ามีการส่งข่าวให้รีบหนีเถอะ ศาลจะตัดสินจำคุกตลอดชีวิต คำตอบคือ “ไม่หนี จะไปศาล” นั่นคือแนวทางที่เราสนับสนุนมาตลอด ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่ คตส.ตั้งเรื่องหลังรัฐประหาร 49 ป.ป.ช.ชี้มูลหลังรัฐประหาร 57 จนสุดท้ายคดีที่ไม่มีความซับซ้อนมาถึงศาลในที่สุด คำว่า “หนี” ไม่เคยอยู่ในทางเลือก ไม่ใช่เพียงเพราะความเป็นนักกฎหมายที่สอบเนติบัณฑิตได้ลำดับ 7 แล้วสู้คดีด้วยตนเอง หรือความเชื่อมั่นว่า ความยุติธรรมนั้นมีอยู่ลึกๆ ในใจนักกฎหมายทุกคน แต่เป็นเพราะทุกข้อกล่าวหาในคดีนี้เป็นข้อกล่าวหาที่ตรงข้ามกับข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน ชนิดที่เรียกว่า “ถ้าเป็นคดีปกติก็ไม่มีทางมาถึงศาลได้” เขาเชื่อในความบริสุทธิ์ของตนเอง แต่ความน่าเห็นใจของ “นักการเมือง” ก็คือ เมื่อเป็นคดีที่ถูกแปะฉลากว่าทุจริต ไม่ใช่คดีแบบเราๆ ที่เป็นนักกิจกรรม ความเห็นใจจากสังคมก็แทบไม่มี และยังต้องอดทนกับศาลเตี้ยและการดูหมิ่นจากสังคมมาตลอด 14 ปี ทั้งที่เนื้อหาของคดีไม่มีน้ำหนักเพียงพอจะมาถึงศาลได้ใน 12 ปีแรก
เขาพูดตลอดว่า ปกติคดีอาญาต้องมีพยานหลักฐานพิสูจน์จนสิ้นสงสัยจึงจะเอาผิดได้ แต่ไม่ใช่คดีของคนที่ยืนอยู่ตรงนี้ เขาต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ไม่เพียง 100% แต่ต้องทำให้ได้ 200% ซึ่งเขาก็มั่นใจว่าทำได้เช่นนั้น ตามความจริงซึ่งมีหนึ่งเดียว จึงไม่เคยประวิงเวลาใดๆ เดินขึ้นศาลด้วยความเชื่อมั่นจนวันสุดท้าย แม้กระทั่งเช้านี้ที่รู้ข่าวคำพิพากษาล่วงหน้า โบว์เคยถามว่า ทำไมไม่เอาข้อเท็จจริงมาเปิดเผย สังคมจะได้รับรู้ไปพร้อมๆ กัน เพราะหลักการพิจารณาคดีก็ต้องโปร่งใสอยู่แล้ว เขาบอกว่าต้องเคารพคำสั่งศาล ที่ห้ามการสื่อสารทุกอย่างเกี่ยวกับคดีระหว่างการพิจารณา แน่นอนว่า ศาลก็ไม่สามารถห้ามการค่อนขอดหรือการแชร์ข้อมูลเท็จ เช่นรูปโครงการที่เกิดในสมัยรัฐบาลอื่นหลังการรัฐประหารเพื่อดิสเครดิตกันได้เลย
หากถามว่าอะไรคือสิ่งที่อยู่ในความรู้สึกนึกคิดของวันนี้ วัฒนา เมืองสุข คงอยากขอบคุณกัลยาณมิตรทุกคนที่ยืนเคียงข้างกันมาตลอดแม้ไม่ได้เอ่ยนาม คงอยากให้ลูกๆ ทุกคนได้ภูมิใจในความเป็นนักสู้ของพ่อ ที่ไม่เคยโอ้อวดแต่แสดงให้เห็นจริงด้วยการยืนบนความถูกต้องเพื่อหลักนิติธรรมและประชาธิปไตยตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ยอมรับการต่อรองใดๆ ตั้งแต่ต้นจนสุดทาง และสิ่งสุดท้ายที่คุณวัฒนาพยายามทำจนถึงเมื่อวาน ก็คือการต่อสู้เพื่อรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน
เขาบอกว่า นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากทำไว้ให้คนรุ่นหลังในฐานะนักการเมืองคนหนึ่ง
โบว์เลือกรูปนี้จาก iLaw มาประกอบโพสต์นี้ เพราะเป็นภาพที่คุณวัฒนาเคยภูมิใจไม่น้อยเมื่อได้เห็น ทั้ง 10 คดีที่เคยมี เกือบทั้งหมดมาจากการต่อสู้กับเผด็จการ มาจากการยืนยันในสิทธิเสรีภาพบนหลักนิติธรรมเพื่อปกป้องประชาชนในฐานะ “นักการเมือง” คำเรียกตัวเองที่เขาภูมิใจ ส่วนบทกวีของจิตร ภูมิศักดิ์ ใน cover photo ที่เพจนั้น เขาขอให้ทำให้และพิสูจน์ว่าเป็นได้เช่นนั้นตลอดมา”
เขียนในฐานะเพื่อนร่วมอุดมการณ์
เมื่อเช้า 8.25 นาที คุณวัฒนาโทรมาบอกว่ามีการส่งข่าวให้รีบหนีเถอะ...โพสต์โดย โบว์ ณัฏฐา มหัทธนา - Nuttaa Mahattana เมื่อ วันพุธที่ 23 กันยายน 2020