xs
xsm
sm
md
lg

“วัฒนา” ควงลูกสาวฟังตัดสิน “บ้านเอื้ออาทร” มั่นใจรอด อ้างคดีมีพิรุธ

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม



“วัฒนา เมืองสุข” พร้อมลูกสาว เดินทางถึงศาลฟังคำพิพากษาคดี “บ้านเอื้ออาทร” มั่นใจโครงการมีประโยชน์ ทุกขั้นตอนถูกต้อง ไม่มีเจ้าหน้าที่ทำผิด แต่การทำคดีมีพิรุธ

วันนี้ (24 ก.ย.) เวลา 11.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้นัดอ่านคำพิพากษา คดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรของการเคหะแห่งชาติ หมายเลขดำที่ อม.42/2561 ที่อัยการสูงสุดเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวัฒนา เมืองสุข อายุ 62 ปี อดีต รมว.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ยุครัฐบาลทักษิณ 2 สมาชิกพรรคเพื่อไทย, นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตกรรมการการเคหะแห่งชาติ (กคช.) และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการปี 2548-2549, นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีตผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย, นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่, นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงษ์เรืองรอง อายุ 56 ปี อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย และกลุ่มเอกชน รวม 14 ราย เป็นจำเลยในความผิดฐาน เป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจหรือจูงใจเพื่อให้บุคคลใดมอบให้หรือหามาให้ซึ่งทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่ตนเองหรือผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต มาตรา 157, ฐานเป็นพนักงานเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดสำหรับตนเองหรือผู้อื่นโดยมิชอบ เพื่อให้กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดในตำแหน่งไม่ว่าการนั้นจะชอบหรือมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148 และตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 6, 11 และเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 86, 91


ในวันนี้เมื่อเวลา 10.40 น. นายวัฒนา เมืองสุข พร้อม น.ส.วีรดา เมืองสุข บุตรสาว และทีมทนายความเดินทางมาฟังคำพิพากษาคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทร

นายวัฒนาให้สัมภาษณ์ว่า พร้อมฟังคำพิพากษา ตนสู้มา 14 ปีก็รอวันนี้ รัฐประหาร 2 ครั้งได้มา 10 คดี คดีนี้เป็นคดีสุดท้าย คดีไม่ได้มีความสลับซับซ้อนอะไร ตนมีความมั่นใจซึ่งคดีมีพิรุธในทุกขั้นตอน หากผลคำพิพากษาไม่เป็นตามที่คาดนั้น ก็ใช้สิทธิอุทธรณ์ตามกฎหมาย ฝากให้ช่วยผลักดันรัฐธรรมนูญ อยากให้คืนอำนาจให้ประชาชนไปเขียนรัฐธรรมนูญเอง บ้านเมืองจะได้หมดยุคการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ หลักนิติธรรมจะได้กลับสู่บ้านเมือง สิ่งที่สู้มาตลอด โดนจับโดนอุ้มก็เพราะสู้มาเรื่องนี้

นายวัฒนากล่าวย้ำถึงคดีทุจริตโครงการบ้านเอื้ออาทรว่า ตนสู้ตามกระบวนการ เผชิญหน้าไม่เคยหนี เพราะเชื่อในสิ่งที่ทำว่าเป็นประโยชน์และถูกต้อง คดีนี้ที่ตนไม่กังวล เพราะทุกขั้นตอนทำถูกต้องหมด ไม่มีเจ้าหน้าที่กระทำความผิด รายงาน ป.ป.ช.ก็บอกทุกอย่างทำถูกต้อง ตนถูกกล่าวหา 3 ข้อหา 1. บอกออกทีโออาร์ตามใจชอบ ป.ป.ช.ไต่สวนมาก็บอกว่าทีโออาร์ที่ออกมาเพราะแก้ปัญหาความล่าช้า เป็นประโยชน์ ส่วนที่อ้างเอาโควตาไปขาย ป.ป.ช. บอกทุกคนขอมาได้หมด 2. อ้างว่าตนออกทีโออาร์ฉบับนี้ ทำให้เคหะเสียหายต้องไปซื้อแพงขึ้น ป.ป.ช.ก็ไต่สวนเองบอกไม่ได้ซื้อแพงขึ้น ประชาชนได้ประโยชน์ และไม่มีใครได้ประโยชน์ ราคาที่เพิ่มขึ้นผู้ประกอบการก็ต้องไปทำอะไรที่เป็นประโยชน์อีกเยอะแยะ แต่เคหะได้ประโยชน์ 3. อ้างตนเรียกรับผลประโยชน์ ตอบแทน อัยการก็หาหลักฐานอะไรไม่ได้ว่าตนเข้าไปเกี่ยวข้อง แล้วจะให้ตนคิดอย่างไร ทนายที่ทำคดีกับตนก็บอกว่าไม่เคยทำคดีไหนที่มั่นใจขนาดนี้ สิ่งที่เราทำเป็นประโยชน์ มีคนถามตนว่าไม่หนีหรือ ก็จะหนีไปไหน


เมื่อถามถึง ส.ว.แสดงท่าทีต่อต้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายวัฒนากล่าวว่า ฝากไปบอกท่านว่าการคืนอำนาจให้ประชาชนไปเขียนกฎกติกาของประชาชนเองเป็นสิ่งที่ชอบธรรม เพราะอำนาจเป็นของประชาชน และไม่ใช่การตีเช็คเปล่าอย่างที่ท่านบอก ประชาชนเขียนมาก็ต้องเข้ามาที่รัฐสภา ถ้าเห็นว่าเขียนมาไม่ดีก็ไม่ต้องรับก็ได้ และสุดท้ายประชามติก็ต้องให้ประชาชนตัดสิน จะหวงอะไร นี่อำนาจของประชาชน บางท่านบอกเสียค่าใช้จ่าย แต่บ้านเมืองขัดแย้งเสียหายทางเศรษฐกิจเยอะกว่าเสียเงินทำประชามติ เราจะเสียเงินเพื่อทำประชามติให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชนทำไมจะทำไม่ได้ จะได้ยุติความขัดแย้ง

นายวัฒนากล่าวอีกว่า การให้ประชาชนเขียนดีที่สุด เพราะถ้าแก้เป็นรายประเด็นเถียงกันทุกประเด็น สุดท้ายไม่ได้แก้ เอาอำนาจให้ประชาชนเขียน เขียนมาอย่างไรก็ยอมรับกัน ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ เพราะประชาชนมาจากการเลือกตั้ง ถ้าเรายอมรับกระบวนการนี้ก็จบ จะหวงอำนาจทำไม ช่วยกันเอาประเทศออกจากกระบวนการความขัดแย้ง ตนรณรงค์ให้ไม่รับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ (2560) ก็ถูกอุ้ม ถูกเอาไปขังก็สู้ มีคดีเป็น 10 คดี นี่ก็คดีสุดท้ายแล้วไม่รู้จะออกอย่างไร


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีนี้เริ่มการพิจารณาไต่สวนพยานในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตั้งแต่ปี 2562 จนเสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 26 ส.ค. 2563 ขณะที่จำเลยที่ 6-7, 10-12 หลบหนีคดี ศาลได้ออกหมายจับไว้แล้ว

สำหรับรายชื่อจำเลยทั้ง 14 ราย ประกอบด้วย 1. นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พม. 2. นายมานะ วงศ์พิวัฒน์ อดีตบอร์ด กคช. และอดีตประธานอนุกรรมการพิจารณากลั่นกรองโครงการระหว่างวันที่ 9 ก.ย. 2548 - 19 ก.ย. 2549 3. นายพรพรหม วงศ์พิวัฒน์ อดีต ผอ.ฝ่ายการเงิน บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) ประกอบธุรกิจก่อสร้างที่พักอาศัย 4. นายอภิชาติ หรือเสี่ยเปี๋ยง จันทร์สกุลพร นักธุรกิจค้าข้าวรายใหญ่ 5. น.ส.รัตนา แซ่เฮ้ง ลูกน้องคนสนิทเสี่ยเปี๋ยง 6. น.ส.กรองทอง วงศ์แก้ว พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด 7. น.ส.รุ่งเรือง ขุนปัญญา พนักงาน บจก.เพรซิเดนท์ฯ 8. บริษัท เพรซิเดนท์ อะกริ เทรดดิ้ง จำกัด โดยนายปกรณ์ อัศวีนารักษ์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน 9. บริษัท ซิลเวอร์ อินเตอร์ กรุ๊ป จำกัด (เดิมชื่อบริษัท ไทย เฉน หยู อินเตอร์เนชั่นแนลคอนสตรัคชั่น ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด) โดยนางพิมพ์วรา รัชต์ธนโรจน์ กรรมการผู้มีอำนาจกระทำการแทน 10. นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง หรือกี้ร์ อดีต ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคไทยรักไทย 11. บริษัท พาสทิญ่าไทย จำกัด 12. บริษัท นามแฟทท์ คอนสตรัคชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ประกอบกิจการก่อสร้างอาคารที่ไม่ใช่ที่พักอาศัย 13. บริษัท พรินซิพเทค ไทย จำกัด ประกอบกิจการรับเหมาก่อสร้าง และ 14. น.ส.สุภาวิดา คงสุข กรรมการผู้มีอำนาจทำการแทน บริษัท ไทยเฉนหยูฯ










กำลังโหลดความคิดเห็น