เป็นกรรมหนัก ปล่อยลอยนวลมิได้! “ศรีสุวรรณ” โร่ยื่นเอาผิด 18 แกนนำ 19 กันยา ฐานบุกรุกโบราณสถาน เจาะพื้นสนามหลวงปักหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ทำทรัพย์สินราชการเสียหาย
วันนี้ (21 ก.ย.) เวลา 10.00 น. ที่กรมศิลปากร วังหน้าพระลาน นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่ออธิบดีกรมศิลปากรให้ดำเนินการเอาผิดต่อ 18 แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง ที่ได้บังอาจฝ่าฝืนกฎหมายโดยการบุกรุกเข้าใช้โบราณสถาน “สนามหลวง” โดยไม่ได้ขออนุญาต และมีการตัดทำลายรั้วและพื้นสนามหลวงเพื่อปักหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ซึ่งเป็นทรัพย์สินของทางราชการให้เกิดความเสียหาย
ทั้งนี้ สนามหลวงได้ประกาศขึ้นทะเบียนให้เป็นโบราณสถานสำคัญของชาติมาตั้งแต่ 13 ธ.ค. 2520 แล้วมีชื่อว่า “โบราณสถานทุ่งพระเมรุ (สนามหลวง)” ซึ่งตาม พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุศิลปวัตถุ และพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ 2504 แก้ไขเพิ่มเติม 2535 ม.32 ระบุไว้ว่า ผู้ใดบุกรุกโบราณสถาน หรือทําให้เสียหาย ทําลาย ทําให้เสื่อมค่าหรือทําให้ไร้ประโยชน์ซึ่งโบราณสถาน ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 7 ปี หรือปรับไม่เกิน 7 แสนบาท หรือ ทั้งจําทั้งปรับ และโทษของการบุกรุกและทำลายโบราณสถานจะหนักขึ้นเป็น จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 ล้านบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ ถ้าโบราณสถานแห่งนั้นเป็นโบราณสถานที่ได้ขึ้นทะเบียนแล้ว
โดยการตัดทำลายรั้วเพื่อนำมวลชนบุกรุกเข้าไปตั้งเวทีชุมนุมปราศรัย และได้เจาะพื้นสนามหลวงให้เสียหาย และทำพิธีฝังหมุดคณะราษฎร หมุดที่ 2 ลงในพื้นที่สนามหลวงที่ได้ขึ้นทะเบียนไว้แล้วของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมือง จึงถือเป็นกรรมหนักที่จะปล่อยให้ลอยนวลต่อไปมิได้
นอกจากนั้น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้ออกระเบียบกรุงเทพมหานครว่าด้วยการใช้ บำรุงและการดูแลพื้นที่ท้องสนามหลวง 2555 เพื่อให้ใช้พื้นที่ท้องสนามหลวงเพื่อการจัดงานได้เพียง 4 ประเภทเท่านั้น คือ งานพระราชพิธี งานรัฐพิธี งานประเพณีสำคัญของชาติโดยหน่วยงานของรัฐ และการจัดการแข่งขันกีฬาไทยประจำปี โดยห้ามการแสดงกิจกรรมหรือข้อความหรือการกระทำด้วยประการใดที่ไม่เหมาะสม ขัดกฎหมาย หรือในลักษณะเป็นการดูหมิ่นชาติ ศาสนาหรือสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยหรือของประเทศอื่น รวมทั้งต้องไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีและประเพณีไทย และการจัดงานต้องไม่มีวัตถุประสงค์ทางการเมืองไม่ว่าด้วยประการใด และไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
ด้วยเหตุดังกล่าว การที่กลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการเมืองนำโดย 18 แกนนำ ได้ฝ่าฝืนกฎหมายหลายบท หลายกรรมดังกล่าว ถือว่ามีความผิดร่วมกันฐานเป็นตัวการและสนับสนุน ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.83 จึงมิอาจปล่อยให้เป็นเยี่ยงอย่างที่ไม่ดีต่อเยาวชนและประชาชนต่อไปได้ สมาคมฯ จึงจำต้องนำความมาร้องเรียนต่ออธิบดีกรมศิลปากร และ ผอ.เขตพระนคร ในฐานะพนักงานเจ้าหน้าที่และผู้เสียหายตามกฎหมาย เพื่อเร่งแจ้งความดำเนินคดีทั้งทางแพ่งและอาญา เพื่อเอาผิดผู้ที่บังอาจกระทำการฝ่าฝืนกฎหมายทั้ง 18 รายดังกล่าวโดยเร็ว