ข่าวปนคน คนปนข่าว
** บทสรุป ม็อบ"19 กันยา ทวงคืนอำนาจราษฎร" แกนนำไม่มี "บิ๊กเซอร์ไพรส์"การแสดงออกสัญลักษณ์-ข้อเรียกร้องมุ่งแต่ล้มเจ้า งานนี้เข้าทางรัฐบาลผลักดันคนต้องเลือกข้างลุงตู่ เพราะทนความก้าวร้าวต่อสถาบันฯของกลุ่มนี้ไม่ไหว
การชุมชุม"19กันยาทวงอํานาจคืนราษฎร" ของกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์ และ การขุมนุมจบลงโดยถูกประกาศชัยชนะหลังจากทำพิธีปักหมุดคณะราษฎร์2563 ลงบนพื้นสนามหลวง และ ได้ยื่นหนังสือ 10 ข้อเรียกร้องและประกาศจบการชุมนุมในครั้งนี้ และนัดรวมตัวกันอีกครั้งในวันที่ 24 กันยายนนี้ เพื่อติดตามข้อเรียกรัอง
"เพนกวิน" พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุมได้ประกาศแนวทางการต่อการต่อสู้กับหลังจากนี้ 8 ข้อว่า1.ได้ยินเพลงชาติที่ไหนให้ชูสามนิ้ว 2.ได้ยินเพลงสรรเสริญพระบารมีให้โรงภาพยนตร์ไม่ต้องยืนขึ้นแต่ให้ชูสามนิ้วขึ้นด้วย 3.ให้ผูกโบว์ขวาไว้หน้าและรถเพื่อให้รู้ว่ารักประชาธิปไตย 4.เขียนแผ่นผ่านประจานเผด็จการตามที่ชุมชนต่างๆ 5.ถ้าเจอขบวนรถของกลุ่มคนอภิสิทธิ์รวมไปถึงขบวนเสด็จให้บีบแตรใส่ทันที 6.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปจังหวัดไหน ขอให้ขึ้นป้ายคนจังหวัดนั้นไม่ต้อนรับเผด็จการ 7. นัดหยุดงานประท้วงรัฐบาล เริ่มต้นจากลาพักร้อนวันที่ 14 ตุลา พร้อมกันทั่วประเทศ และ 8. ทุบหม้อข้าวเผด็จการเลิกใช้บริการธนาคารไทยพาณิชย์
ภายในคำขวัญที่เน้นยำทั้งบนเวทีและ เผยแพร่ข้อความว่า “ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ”
การชุมนุมครั้งนี้ ว่ากันว่า เป็นการประท้วงครั้งใหญ่ในรอบหลายปี โดยที่มีหลายฝ่ายจับตามอง เดืมนั่นถูกคาดหวังเอาไว้สูงว่า จะเป็นการแสดงพลังที่สะท้อนปัญหาของคนรุ่นใหม่ ซึ่งก็ต้องยอมรับว่า "จุดติด" มีผู้เข้าร่วมจำนวนมาก
ขณะกลุ่มบุคคลที่มีความคิดเป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยเฉพาะฝ่ายที่เรียกว่า"ประชาธิปไตย" และเครือข่ายอย่าง "โจซัว หว่อง" ทวิตข้อความมาให้กำลังใจปลาบปลื้มต่อการ ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและอนาคตของเยาวชนไทย
ขณะเดียวกัน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ลงพื้นที่เรียกคะแนน ซึ่งก่อนนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กระโดดโหนกระแสเด็กไปแล้วโดย ได้ออกแถลงการณ์รำลึกครบรอบ 14 ปีที่ถูกทำรัฐประหารโดยกล่าวยืนยันว่าถึงเวลาที่ประเทศต้องเปลี่ยนความคิดและวิธีการปกครองประเทศ
เฟซบุ๊ก “คณะก้าวหน้า-Progressive Movement” โพสต์วิดีโอคลิปตามา ระบุว่า “ชีวิตที่กลับคืนมาใหม่ของสนามราษฎร์ ... ชัยชนะแรกของวันนี้ คือ การทวงคืนสนามหลวงและเปลี่ยนให้เป็นสนามราษฎร์ ธนาธร พาเดินสำรวจชีวิตที่กลับคืนมาใหม่ของสนามราษฎร์”
เห็นได้ชัดว่าฝ่ายที่เข้าร่วมตลอดการประท้วงและการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ 99% เป็นเรื่องสถาบันที่เป็นประเด็นอ่อนไหว ทำให้จุดประสงค์ของการชุมนุมในครั้งนี้ ถูกตั้งคำถามว่า แท้จริงแล้วเพียงต้องการล้มสถาบันฯ นี่เป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์ว่า 'ไม่เอาเจ้า' ของพวกแกนนำม็อบที่เป็นกลุ่มเยาวชนปลดแอก อย่าง เพนกวิน และ พวกที่เคยถูกตัดออกมาแล้วก่อนหน้า
ภาพลักษณ์ของม็อบจึงมองได้ว่า เป็นม็อบที่หมกมุ่นกับการปฏิวัติ 2475 ของคณะราษฎร การปราศรัยของผู้นำการชุมนุม ทั้งเนื้อหา และท่าทีที่รุนแรง ก้าวร้าว และขาดการเคารพถึงศักดิ์ศรีบุคคลอื่น แน่นอนว่า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น "ความคาดหวังกับความจริงเรื่องม็อบ 19 ก.ย. 63" จึงน่าคิด
นางวรวรรณ ธาราภูมิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง โพสต์เฟซบุ๊กไว้อย่างน่าสนใจ โดยเผยความรู้สึกต่อม็อบ 19 กันยา ว่า ...
ความคาดหวังกับความจริงเรื่องม็อบ 19 ก.ย. 63 ก่อนหน้านี้คาดหวังว่าจะได้รับฟังแนวคิดที่มีประโยชน์และอาจจะแตกต่าง จากคนรุ่นหลาน อยากรู้จริงๆ ว่าเขาต้องการอะไรถึงได้ก่อม็อบ และคาดหวังว่าแนวคิดเหล่านั้นจะนำพาไปสู่การปรับปรุงแนวปฏิบัติของชนชั้นปกครองได้
คาดหวังว่าจะได้เห็นนักศึกษาขึ้นเวที แสดงวิสัยทัศน์ของตนต่ออนาคตของประเทศซึ่งต่อไปก็จะอยู่ในมือของพวกเขา เพื่อให้คนรุ่นเราไม่ว่ารัฐบาล / สส ทุกพรรค / สว / นักธุรกิจทั้งหลาย / รวมไปถึงพ่อแม่ ครูบาอาจารย์ จะได้รับรู้ว่าลูกหลานกำลังมีปัญหาที่ตรงไหน และเขามองพวกเราอย่างไร
คาดหวังว่าจะมีหลานๆ สักคนขึ้นเวทีแล้วถามถึงแนวทางของรัฐในการรับมือกับอนาคตที่ตนเองจะไม่มีงานทำเพราะเทคโนโลยี่ที่มาทดแทนได้ ... เพื่อให้รัฐบาลนำไปเป็นโจทย์ที่ต้องแก้ไข ป้องกันล่วงหน้า อย่างจริงจัง
คาดหวังว่าจะมีใครที่ตอกย้ำถึงความไม่เสมอภาคในกระบวนการยุติธรรม และความอ่อนแอขององค์กรอิสระที่น่าจะทำตัวไม่อิสระแล้วในหลายๆ กรณี
คาดหวังว่าหลานๆ จะเสนอแนวคิดในการเดินหน้าอนาคตไทยอย่างสร้างสรรค์ ในมุมมองของเขา
คาดหวังว่าจะมีคนพูดเรื่องข้อดีข้อเสียของการมี ส.ว. แบบปัจจุบัน รวมไปถึงการนับคะแนนเลือกตั้งที่เอามาหารด้วยสูตรประหลาดที่ข้าพเจ้าไม่เข้าใจ
คาดหวังว่าจะมีนักศึกษาด้านเศรษฐศาสตร์สักคน ที่สามารถชี้แนวทางใหม่ที่ปฏิบัติได้จริงในเรื่องทุนนิยม การผูกขาด และความเหลื่อมล้ำ
แต่แล้วเมื่อถึงเวลาชุมนุม และ แกนนำ เคลื่อนไหว ก็พบว่าความจริงที่ได้จากม็อบ ว่ามันคือความตั้งใจในการโจมตี บั่นทอนคุณค่าของพระมหากษัตริย์ มีเท่านี้จริงๆ
ถ้านี่คือเป้าหมายของม็อบก็ไม่หวังอะไรจากลูกหลานที่ชูสามนิ้วอีกแล้ว เนื่องไม่เห็นคุณค่าของการจัดม็อบตามที่คาดหวังเลย รวมถึงไม่เห็นประโยชน์ของการจะสนับสนุน เพราะการปักหมุดคณะราษฎร์ การย่ำยีสถาบันสูงสุดในแบบที่ทำ มันมิได้ทำให้คนกินดีอยู่ดี มิได้ลดความเหลื่อมล้ำ มิได้ทำให้เกิดความสามัคคีในคนไทยด้วยกันเลยสักนิด
แถมยังไปช่วยผลักดันคนที่กำลังหงุดหงิดกับรัฐบาล ทำให้เขาจำต้องเลือกข้างนายกฯ อีกครั้ง เพราะทนรับฟังพวกท่านก้าวร้าวต่อสถาบันสูงสุดไม่ไหวก็แปลกใจที่คนรุ่นใหม่ยังฝังใจกับพิธีกรรม ถึงขั้นตอกหมุดคณะราษฎร์อีกครั้ง ... ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะทำอะไรไร้สาระแบบนี้ สรุปคือผิดหวังมาก
** ปังปุริเย่!..เมื่อเวทีนางงามเข้าโหมดการเมือง "มิสแกรนด์" ปีนี้มงลงเพราะตอบคำถามฟาดแรง ไล่รัฐบาล!
ควันหลงจากเวทีประกวด "มิสแกรนด์ 2020" ที่ตัดสินไปเมื่อวันก่อน ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่มีการชุมนุมทางการเมืองของกลุ่มเยาวชน 19 กันยา ทวงคืนอำนาจราษฎร พอดี กลายเป็นเวทีคู่ขนานกันไปชนิดเรียกเสียงฮือฮาจากมวลประชาในโลกโซเชียลฯ ได้อึงมี่
เวทีนี้ ผู้ที่ได้รับตำแหน่ง "มิสแกรนด์ 2020" ได้สวมมงกุฎเพชร มูลค่า 1,200,000 บาท พร้อมสายสะพายเกียรติยศ คอนโดมิเนียมหรู รถยนต์ 1 คัน และรางวัลอื่นๆ รวมมูลค่ากว่า 6 ล้านบาทมาครอบครอง คือ “น้ำ -พัชรพร จันทรประดิษฐ์”มิสแกรนด์จากจังหวัดระนอง
ว่ากันว่าไฮไลต์ที่ถูกพูดถึงอยู่ในช่วงตอบคำถาม โดยคณะกรรมการป้อนคำถามให้สาวงามที่เข้ารอบ 5 คนสุดท้ายว่า จากสถานการณ์ของผู้ชุมนุมในขณะนี้ ส่อเค้าความรุนแรงยิ่งขึ้น หากคุณมีโอกาสได้พูดคุย คุณอยากจะพูดกับฝ่ายใด ระหว่างผู้ชุมนุม หรือรัฐบาล และอยากพูดอะไรเพื่อให้สถานการณ์ดีขึ้น ?
ปกติแล้ว เวทีนางงามจะเป็น "เวทีแห่งสันติภาพ" ไม่ใช่ "เวทีสร้างความแตกแยก" ผู้ครองตำแหน่งชนะเลิศแต่ละเวที และเป็นเอ็มเพาเวอร์ เป็นพลังในการผลักเคลื่อนโลกสู่ความสงบสุข แต่พอเวทีประกวดมิสแกรนด์ 2020 ที่เดิมภาพจำของคนในสังคมจดจำได้ คือ การแนะนำตัวเองด้วยเสียงสูง และชุดที่เวอร์วังอลังการ เปลี่ยนมาเอาเทรนด์การชุมนุมประท้วงของเยาวชนมาให้สาวงามตอบ งานนี้จะบอกว่า ตั้งใจ จงใจ ให้เกิดกระแสก็ว่าได้ !!
โดยน้อง "น้ำ" พัชรพร มิสแกรนด์ระนอง ผู้คว้าตำแหน่ง มิสแกรนด์ 2020 ก็ตอบคำถามอย่างมั่นอกมั่นใจว่า “จากใจนะคะ ขอเลือกฝ่ายค่ะ เพราะเรามีสิทธิ์มีเสียงในการแสดงความคิดเห็น ที่จะเลือกสิ่งที่ดีสุดให้กับประเทศชาติของเรานะคะ มากกว่านั้นอยากจะบอกรัฐบาลด้วยนะคะ “ If you calling this country as the THAILAND, We need the real democracy, and moreover, we need you to get out of the country.” Thank you”
เรียกว่า เรียกเสียงฮือฮาให้กองเชียร์ จนสามารถพิชิตมงกุฎได้ในเวลาต้อมา และภายหลังคลิปการตอบคำถามแบบ "ฟาดแรง" นี้ก็ถูกแชร์ และมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก
ฟังว่า สาวงามคนอื่นๆ ที่ตอบคำถามแรงได้อีกก็มีเช่นกัน เช่น "น้องอินดี้ จอนห์สัน" มิสแกรนด์ปทุมธานี ที่คว้ารองอันดับ1 ตอบว่า ถ้าวันนี้ไม่มีการประกวดมิสแกรนด์ไทยแลนด์ 2020 จะไปร่วมชุมนุมด้วยแน่นอน !!
สรุปว่า งานนี้ผลแพ้ชนะของบรรดาสาวงามต่างเชือดเฉือน และตัดสินมงกุฎกันที่การตอบคำถาม
และเป็นการพิสูจน์ว่า เทรนด์สาวงามที่ตอบได้ฉลาด กล้าหาญ ฟาดทุกคำถาม เป็นนางงามที่ "ปังปุริเย่" ไม่เฉพาะความสวย นับว่ามาแรงในชั่วโมงนี้ นับแต่ผู้ประกวดเวทีมิสยูนิเวิร์สไทยแลนด์ ได้สร้างกระแสเอาไว้ก่อนหน้านี้
ส่วนนี่จะถูกใจหรือไม่ถูกใจคนในสังคม ก็เป็นเรื่องนานาจิตตังกันไป.