กองทัพไทย ย้ำ พร้อมรับสับเปลี่ยนกำลังกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย-เซาท์ซูดาน แจงยิบขั้นตอนเดินทาง-กักตัวป้องกันโรคโควิด-19 ปลื้มต่างชาติยอมรับเป็นมืออาชีพ
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ที่กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) ถ.แจ้งวัฒนะ พล.ท.ธิติชัย เทียนทอง เจ้ากรมยุทธการทหาร กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมรับการผลัดเปลี่ยนกำลังของกองร้อยทหารช่างเฉพาะกิจไทย-เซาท์ซูดาน ภายใต้มาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ว่า กำลังพลฯ ผลัดที่ 2 จำนวน 271 นายปัจจุบันได้เข้ารับการคัดกรองกักกันเพื่อสังเกตอาการตามมาตรการด้านสาธารณสุขระหว่างวันที่ 6-20 ก.ย. เป็นระยะเวลา 14 วัน ณ โรงแรมนนทบุรีพาเลซ จ.นนทบุรี โดยมีการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ต่างๆ จำนวน 5 สายพันธุ์ รวมทั้งมีการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ และออกหนังสือรับรองให้กับกำลังพลที่มีผลการตรวจระบุว่า ปลอดการติดเชื้อ ทั้งนี้ กองทัพไทยยังคงมาตรการที่เข้มงวดเพื่อประกันว่าในช่วงของการกักกันกำลังพลฯ ผลัดที่ 2 จะไม่ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ หรือสร้างความกังวลต่อประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากใช้บริการในลักษณะเช่าเหมาอาคาร จัดวางระบบการควบคุมการ เข้า-ออก ไม่ให้กำลังพลที่อยู่ในระหว่างการกักกันออกนอกอาคารได้ ระงับการเยี่ยม การปฏิสัมพันธ์กับครอบครัว จัดชุดแพทย์ทหารร่วมกับกรมควบคุมโรค กำกับดูแลอย่างใกล้ชิด และมีการทำความสะอาดอาคาร และพื้นที่โดยรอบด้วยยาฆ่าเชื้อ เมื่อเสร็จสิ้นการกันกัน มีกำหนดออกเดินทางจากประเทศไทย ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำที่สหประชาชาติสนับสนุน จำนวน 2 เที่ยวบิน ออกจากท่าอากาศยานดอนเมือง ในวันที่ 21 ก.ย. จำนวน 180 นาย และในวันที่ 11 ต.ค. จำนวน 91 นาย โดยเตรียมพื้นที่ปิดเป็นสัดส่วนเฉพาะเพื่อพักคอยและดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนการออกนอกราชอาณาจักร และเมื่อเดินทางถึงสาธารณรัฐเซาท์ซูดาน จะได้รับการคัดกรองตามมาตรการของเซาท์ซูดาน และกักตัวอีก 14 วัน ณ สถานกักกันของสหประชาชาติ พร้อมทั้งดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนของสหประชาชาติ ก่อนเข้าปฏิบัติภารกิจต่อไป
พล.ท.ธิติชัย กล่าวต่อว่า สำหรับกองร้อยทหารช่าง ผลัดที่ 1 ที่จะสิ้นสุดภารกิจ จำนวน 258 นาย มีกำหนดเดินทางกลับประเทศไทย ด้วยเครื่องบินเช่าเหมาลำที่สหประชาชาติสนับสนุน ซึ่งจะบินตรงจากท่าอากาศยานจูบา-ท่าอากาศยานดอนเมือง จำนวน 2 เที่ยวบิน ในวันที่ 21 ก.ย. จำนวน 180 นาย และในวันที่ 11 ต.ค. จำนวน 78 นาย โดยกำลังพลทุกนายจะต้องเข้ารับการกักกันในค่ายทหารของสหประชาชาติในเมืองจูบาเป็นเวลา 14 วันก่อนออกเดินทาง มีเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหประชาชาติดำเนินการตรวจคัดกรองและสังเกตอาการ หากปรากฏกำลังพลที่แสดงอาการต้องสงสัย จะถูกแยกไปตรวจทางห้องปฏิบัติการและกักตัว ณ โรงพยาบาลของสหประชาชาติ และหากกำลังพลที่ตรวจพบการติดเชื้อจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นเครื่องบินเช่าเหมาลำของสหประชาชาติ ซึ่งในระหว่างเดินทางกำลังพลจะสวมใส่หน้ากากเครื่องป้องกัน และหากปรากฏกำลังพลแสดงอาการต้องสงสัยฯ จะแยกที่นั่งไปยังเขตที่กำหนดและสวมใส่ชุดป้องกัน (PPE) จนกว่าจะเดินทางถึงประเทศไทย สำหรับลูกเรือที่ต้องปฏิบัติงานในห้องผู้โดยสารจะต้องได้รับการรับรองการคัดกรองตามมาตรการของ ICAO และเมื่อเดินทางถึงประเทศไทย กำลังพลทุกนายจะได้รับการตรวจคัดกรอง ณ ท่าอากาศยานขาเข้า ก่อนส่งเข้ารับการกักกันในสถานกักกันของรัฐระยะเวลา 14 วัน ภายใต้การดำเนินการของกรมควบคุมโรค และรับการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการ (PCR) จำนวน 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจ และเมื่อกำลังพลทุกนายกลับเข้ารายงานตัว ณ หน่วยต้นสังกัด จะมีการสังเกตอาการต่อไปอีก 14 วัน โดยใช้ระบบการติดตาม อีกด้วย
“ตลอดห้วงการปฏิบัติภารกิจที่ผ่านมากองกำลังของไทยได้รับการยอมรับจากสหประชาชาติและองค์การต่างๆ ในความเป็นมืออาชีพ โดยเฉพาะคุณสมบัติพิเศษที่ไม่สามารถหาได้จากชาติใดๆ ถือเป็นบทบาท เกียรติภูมิ และความภาคภูมิใจของประเทศไทยในเวทีโลก รวมทั้งยังเป็นการเสริมสร้างความรู้และประสบการณ์ให้กับกองทัพไทยเพื่อพัฒนาศักยภาพของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปสู่ความเป็นเลิศตามมาตรฐานสากลต่อไป” พล.ท.ธิติชัย กล่าว