“หมอชลน่าน” ปูด “ยุทธการสะพานมัฆวานรังสรรค์ 19 กันยา” รัฐวางกับดักเตรียมล้อมปราบม็อบ ด้าน “บิ๊กตู่” ยันไม่เคยคิดทำร้ายลูกหลาน ห่วงก็แต่คนอยู่เบื้องหลังคอยเร่งปลุกระดมให้เหตุการณ์บานปลาย
วันที่ 9 ก.ย. 2563 เมื่อเวลา 20.50 น. ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายตอนหนึ่งว่า การชุมนุมของนิสิต นักศึกษา พี่น้องประชาชนวันที่ 19-20 ก.ย. ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ เหตุการณ์นี้ควรได้รับการแสดงออก สนับสนุนจากคนที่มีอำนาจ แต่สิ่งที่ได้ยินมาจะเป็นจริงหรือเท็จยังไม่ทราบ แต่ภาวนาขอให้เป็นเท็จ เพราะจะมี “ยุทธการสะพานมัฆวานรังสรรค์ 19 กันยา ปิดสวิตช์ลูกหลานประชาชน” ท่านต้องอย่าให้เหตุการณ์เกิดขึ้น เพราะหากผู้ชุมนุมเคลื่อนผ่านถนนราชดำเนินมายังสะพานมัฆวานที่จะมีการวางกับดัก ถ้าเขามีเพียงเจตจำนงยื่นข้อเรียกร้องให้นายกฯ แต่ถ้ามีเหตุการณ์เกิดที่สะพานมัฆวาน ก็จะเป็นตราบาปที่จะเกิดขึ้น หากปล่อยให้นิสิต นักศึกษาได้แสดงออก โดยไม่มีการไปปลุกปั่น ยั่วยุ จะไม่มีเหตุการณ์ ก่อจลาจล วุ่นวาย แต่เขาจะมาด้วยความสงบ
“ท่านต้องระมัดระวังจะมีมือที่สามที่สี่หรือไม่ ไม่รู้ แต่ถ้ามีการสร้างความปั่นป่วน ยุยง ประเด็นที่ละเอียดอ่อน น่าแปลกใจที่มีการจับๆ ปล่อยๆ แกนนำ คล้ายๆ กับการต่อรองหรือไม่ และพยายามยั่วยุ เร่งเร้าที่จะใช้เป็นกับดัก ตนไม่ได้กล่าวหา ถ้ามีมือที่สามไปยั่วยุ ไปปราศรัยประเด็นละเอียดอ่อน ทำให้การชุมนุมขยายวงกว้างไป บุกยึดสนามหลวง ยึดถนนราชดำเนิน ผ่านสะพานมัฆวาน หากเลยจากนั้นไปถูกประกาศเป็นเขตพระราชฐาน ฝากไปถึงนายกฯในฐานะผู้นำ ต้องป้องกัน หามาตรการอย่าให้เกิดเหตุ เว้นแต่มีความประสงค์เจตจำนงอย่างแรงกล้า ที่จะออกไปทำตามข้อเรียกร้องของลูกหลาน เยาวชน” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ต้นเหตุของปัญหาคือตัวนายกฯ พี่น้องประชาชนส่งเข้ามาบอกตนผ่านเฟซบุ๊ก ว่า พวกเขาไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรี เพราะพี่น้องประชาชนถือว่าเป็นโมฆะบุรุษ ซึ่งพระพุทธเจ้าตรัสไว้ว่าเป็นบุรุษที่ไร้ค่า เปล่าประโยชน์ ประชาชนมองท่านเช่นนั้น ถ้านายกจะกรุณาเห็นแก่ประเทศชาติ ก็ขอความกรุณาเสียสละตัวเองเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ความเป็นโมฆะบุรุษไร้ค่าก็จะได้กลับมา นายกจะได้รับยกย่องว่าเป็นวีรบุรุษที่สามารถแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้ สะพานมัฆวานเคยมีตำนานมาเยอะเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 16 และ 6 ตุลาคม 19 ไล่เรียงมาที่สะพานมัฆวานมีกระบอกปืนหันเข้าสู่หน่ออ่อนประชาธิปไตย อย่าให้สะพานมัฆวานเป็นจุดยุทธศาสตร์ในการจัดการอีก อยากให้นายกไปพูดคุยกับเขาไม่ได้เสียหายอะไร หากห่วงเรื่องมาตรการความปลอดภัย ลูกหลานคนไทยไม่ฆ่าท่านแน่นอน
นพ.ชลน่าน กล่าวด้วยว่า สิ่งที่ตนพูดในวันนี้อย่าให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะความรุนแรงทางการเมืองหากมีการปะทะชุมนุมวุ่นวายท่านก็อย่าประกาศกฎอัยการศึก อย่าได้ทำเพราะจะเป็นปัญหา เป็นหายนะ และเป็นทุกข์ของประเทศ ทั้งนี้ เห็นว่า การตัดสินใจลาออกจากการเป็นนายกรัฐมนตรีจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ โดยมโนสำนึกของนายกฯ ตนเชื่อว่า ท่านเป็นผู้ที่มีจิตใจดีต่อชาติบ้านเมือง หากเห็นว่าเกิดปัญหาขึ้นจริง หากท่านเสียสละ ท่านจะเป็นวีรบุรุษในหัวใจของพวกเรา
หลังการพูดของ นพ.ชลน่าน ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ลุกขึ้นชี้แจงทันทีว่า การอภิปรายถึงการชุมนุมใหญ่วันที่ 19 ก.ย.นี้ ที่มีการระบุว่าจะเป็น ยุทธการสะพานมัฆวานรังสรรค์ฯ เกรงว่าจะเป็นการปลุกระดม คนที่ไม่เข้าใจ ไม่รู้เรื่องจะมองว่า เป็นตัวร้ายที่จ้องจะกำจัดใครก็แล้วแต่ เหมือนเป็นการปลุกระดมที่จะเร่งให้เกิดเหตุการณ์บานปลาย ไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้เลย อดีตคืออดีตวันนี้คือวันนี้ อะไรผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ผมไม่ต้องการให้เกิดขึ้นอีก วิเคราะห์กันไปเรื่อย
มองไปเรื่อยเคลื่อนรถเกราะรถถังจะรบกับใครจะยิงกับใคร เมื่อปี 2557 ไม่ได้ยิงปืนสักนัด ไม่ได้เอารถถังมาปิดใครด้วย ผมไม่ได้กลัวใครทั้งสิ้น แต่กลัวคนที่แอบอยู่ข้างหลัง ที่จะทำให้เหตุการณ์บานปลายเร่งปลุกระดม ที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้ยุ่งเกี่ยวที่จะห้ามนักศึกษา เพราะเป็นหน้าที่ตำรวจต้องดำเนินการ ผมย้ำเสมอว่าให้อะลุ่มอล่วย ดูแลความปลอดภัยให้มากที่สุด เพราะกลัวมือที่สาม เมื่อปี 2553 ก็เกิดขึ้นมาแล้ว เพราะทุกคนคือลูกหลานของผม ฟังนักศึกษาฟังคนอีกพวกหนึ่ง อย่ามาบอกว่าไม่ฟังใคร ที่ผ่านมาอะลุ่มอล่วยมาตลอด ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลกันต่อไป
ทุกวันนี้ให้สังเกตว่าเขาให้ประกันตัวก็ไม่รับ แต่ขอติดคุก ถามว่าเกิดอะไรขึ้นมีใครไปยุแหย่เขาหรือไม่ ผมรักลูกหลานอยู่แล้ว เพราะผมก็เป็นคนมีลูก อบรมลูกในทางที่ดี ซื่อสัตย์สุจริต ไม่ก้าวล่วงงานพ่อ ไม่รับผลประโยชน์ ไม่เปิดเผยตัว นั่นคือลูกของผมครอบครัวของผม ส่วนครอบครัวไหนไปร่วมชุมนุม ก็ดูแลลุกของท่านให้ปลอดภัยอยู่ดี ยืนยันว่ารัฐบาลไม่ทำอะไรแน่นอน ขอยืนยันตรงนี้เลย ใครจะทำต้องหาตัวให้เจอฝากให้ลูกหลานสบายใจ ให้อยู่ในกรอบสันติวิธี ฟังหมดแต่ไม่อยากฟังต่อหน้า เพราะมีปัญหาที่มีคนอยู่เบื้องหลังพอสมควร อย่าให้พูดมากกว่านี้เลย