โฆษก ป.ป.ช.เผยเตรียมเรียก “ปารีณา” รับทราบข้อกล่าวหาแจ้งบัญชีทรัพย์สินเท็จ-ผิดจริยธรรมบุกรุกป่าด้วยตนเอง ชี้เป็นเพียงขั้นตอนหนึ่ง ถือว่าผู้ถูกกล่าวหายังบริสุทธิ์ หลังแก้ข้อกล่าวหาหากรรมการเห็นว่าไม่มีมูล คดีก็ตกไป แต่หากมีมูลก็ส่งศาลฎีกาฯ ระบุกรณียื่นบัญชีทรัพย์สินเท็จ ไม่ได้มีเพียงแค่ที่ดิน 1,700 ไร่ แต่ยังมีทรัพย์สินอื่นที่เกี่ยวเนื่อง หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปช่วยเหลือก็จะถือว่าทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ด้วย
วันนี้ (8 ก.ย.) นายนิวัติไชย เกษมมงคล โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ยอมรับว่า ป.ป.ช. มีมติแจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.จังหวัดราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ใน 2 ข้อหาจริง คือ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ และกระทำความผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรงกรณีครอบครองพื้นที่ป่าสงวน แต่ไม่แน่ใจว่า น.ส.ปารีณารับทราบข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการแล้วหรือไม่ ตามขั้นตอน ป.ป.ช.จะเรียก น.ส.ปารีณามารับทราบข้อกล่าวหาด้วยตนเอง หากไม่มาถือว่าเป็นสิทธิ โดย ป.ป.ช.จะส่งหนังสือทางไปรษณีย์เพื่อให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาหรือแจงพยานหลักฐานเพิ่มเติมภายใน 15 วัน หากครบกำหนด 15 วัน จะถือว่าผู้ถูกกล่าวหาไม่ประสงค์จะแก้ข้อกล่าวหาเพื่อหักล้าง ทุกอย่างก็จะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป เพื่อนำไปสู่การชี้มูลความผิดหรือไม่
นายนิวัติไชยยังยืนยันว่า การแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าว เป็นเพียงกระบวนการหนึ่งขณะนี้ น.ส.ปารีณายังเป็นผู้บริสุทธิ์ เพราะคดียังไม่มีการชี้มูล ความผิด และเมื่อแก้ข้อกล่าวหาแล้วหากคณะกรรมการเห็นว่าไม่มีมูลคดีดังกล่าวก็จะตกไป แต่หากมีมูลก็ชี้มูลความผิดก่อนส่งเรื่องนี้ให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นผู้วินิจฉัย และหากศาลประทับรับฟ้อง น.ส.ปารีณาจะต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที จากนั้นก็เป็นกระบวนการของศาล ขณะเดียวกัน การยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินอันเป็นเท็จจะมีโทษทางอาญาด้วย
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าการยื่นบัญชีทรัพย์สินหนี้สินเท็จของ น.ส.ปารีณาครั้งนี้ไม่ได้มีเพียงที่ดิน 1,700 ไร่ ที่จังหวัดราชบุรีเท่านั้น แต่ยังมีรายการทรัพย์สินอื่นอีก ทั้งที่เกี่ยวเนื่องและไม่เกี่ยวเนื่องกับที่ดินดังกล่าว แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
นายนิวัติไชยยังเปิดเผยด้วยว่า ป.ป.ช.จะต้องตรวจสอบว่ามีเจ้าหน้าที่ของรัฐเข้าไปให้การช่วยเหลือ น.ส.ปารีณา ให้เข้าไปครอบครองพื้นที่ป่าสงวนเขาสนฟาร์มหรือไม่ หากมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องก็จะถือเป็นการกระทำที่ผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ แต่วันนี้ยังไม่พบเจ้าหน้าที่รัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องที่ต้องตรวจสอบต่อไป
นายนิวัติไชยยังชี้แจงเรื่องการถือครองที่ดินว่า ต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ คดีอาญาเป็นอำนาจของกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ดำเนินการ แต่ ป.ป.ช.จะตรวจสอบในเรื่องของการกระทำผิดจริยธรรมร้ายแรงฐานครอบครองพื้นที่ป่า หากพบข้อมูลความผิดจริงก็จะต้องยื่นร้องต่อศาลฎีกา เพื่อพิจารณาลงโทษให้พ้นจากตำแหน่งและตัดสิทธิทางการเมือง