“สมศักดิ์ เจียมฯ” จวก “ปิยบุตร” ทำเป็นหล่อ ดูเหมือนเอากับมวลชน แต่ไม่สู้จริง เหน็บ รอออกมาตอนปลอดภัย “เพนกวิน” ช้ำ “ก้าวไกล” ไม่แตะหมวดกษัตริย์ ผิดหวังการเมืองในรัฐสภา “อานนท์” พ้อ “เสียสละฟรี”
น่าสนใจเป็นอย่างยิง วันนี้ (23 ส.ค. 63) เฟซบุ๊ก Somsak Jeamteerasakul นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล อดีตอาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันลี้ภัยคดี ม.112 ที่ฝรั่งเศส เจ้าของฉายา ศาสดา “ล้มเจ้า” โพสต์หัวข้อ “วิธี ไม่แก้ไข แบบหล่อๆ”
โดยระบุว่า “ปิยบุตรพูดที่เชียงใหม่ บัดนี้เขาและกลุ่มก้าวไกล-พรรคก้าวหน้า ได้ perfect (เพอร์เฟกต์) วิธีการปรากฏตัวแบบหล่อๆ คือ ดูเหมือนเอาด้วยกับมวลชน แต่ขณะเดียวกันไม่ทำ ถ้าคุณจะทำ ทำเอง
ตลอดประวัติศาสตร์ประเทศไทย เราพบแต่อย่างนี้ พวกตัวเล็กตัวน้อย ทำไป เสียสละไป .....พวกตัวใหญ่ๆ รอให้ปลอดภัยเต็มที่ก่อน”
ขณะเดียวกัน นายอานนท์ นำภา แกนนำม็อบเยาวชนปลดแอก โพสต์ข้อความ ผ่านเพซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า
“พรรคก้าวไกลก็ถอยไม่แก้รัฐธรรมนูญหมวด 1 หมวด 2 กลายเป็นว่า นักการเมืองล้วนผลักนักเรียน นิสิต นักศึกษาและประชาชนลงถนนเผชิญอำนาจมืดโดยลำพัง น่าเสียดายไฟฝันที่ถูกจุดโดยไม่มีรัฐสภารับไม้ต่อ น่าเสียดายเสรีภาพที่พวกเรายอมสละไป”
เช่นเดียวกับ เฟซบุ๊ก เพนกวิน-พริษฐ์ ชิวารักษ์ Parit Chiwarak ของ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือ “เพนกวิน” นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และแกนนำเยาวชนปลดแอก โพสต์ข้อความ ระบุว่า
“วันนี้ ผมเสียใจมากที่ทราบว่า ทุกพรรคการเมือง รวมถึงเพื่อไทยและก้าวไกลด้วยนั้น จะไม่แก้รัฐธรรมนูญในหมวดสอง หรือหมวดพระมหากษัตริย์ ทั้งที่เป็นหมวดที่มีปัญหามากและเป็นรากเหง้าของปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในหลายสิบปีที่ผ่านมา
หมวดสองของรัฐธรรมนูญนั้น มี 18 มาตรา ซึ่งผมจะขอกล่าวถึงมาตราที่ผมเห็นว่า มีปัญหามากที่สุดคือมาตรา 6 ซึ่งบัญญัติไว้มิให้ผู้ใดฟ้องร้องหรือกล่าวหาพระมหากษัตริย์ได้ในทางใดๆ ซึ่งนั่นแสดงว่าพระมหากษัตริย์จะอยู่เหนือกฎหมาย และต่อให้ทรงกระทำผิดกฎหมายก็ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆเลย ซึ่งขัดต่อหลักนิติรัฐที่กฎหมายจะต้องบังคับใช้กับทุกคนโดยเสมอกัน แท้จริงแล้วควรใช้หลักการที่เคยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับคณะราษฎร ก็คือ ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาความผิดของกษัตริย์ เพราะกษัตริย์ย่อมต้องรับผิดชอบต่อประชาชน
อีกประการหนึ่ง ผมยังเห็นว่า รัฐธรรมนูญหมวดพระมหากษัตริย์นี้ ยังบัญญัติไว้ไม่ครบถ้วน ควรจะมีการให้กษัตริย์พระราชทานคำปฏิญาณกับประชาชนว่าจะเคารพและพิทักษ์รัฐธรรมนูญ เหมือนๆ กับที่ทำในพระราชพิธีราชาภิเษกจักรพรรดิญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา และควรจะบัญญัติเพิ่มเติมห้ามมิให้กษัตริย์แทรกแซงการเมืองโดยเด็ดขาด ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“ดังนั้น ผมขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลให้ไม่ละเลยการแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดสอง เพราะนี่คือต้นตอของปัญหาการเมืองไทย ถ้าพวกคุณไม่สู้ในประเด็นนี้ คุณก็จะแก้ปัญหาไม่จบเบ็ดเสร็จ และถ้าคุณไม่แก้ไขที่ต้นตอ คุณก็อาจจะโดนยุบพรรคซ้ำแล้วซ้ำอีก เราสามารถสู้ได้โดยไม่กราบครับ”
ทั้งนี้ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กล่าว กล่าวระหว่างลงพื้นที่ จ.ระยอง ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องของพรรคฝ่ายค้านที่จะร่วมกันแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งตนยังยืนยันว่า การได้มาซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จากการร่างของสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จะเป็นทางออกให้กับความขัดแย้งทางการเมืองของประเทศไทย
ที่สำคัญ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 63 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในกรณีที่ นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์กรณีที่พรรคก้าวไกลจะเสนอญัตติด่วนขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในหมวดที่ 1 ซึ่งเป็นหมวดทั่วไป และหมวดที่ 2 ที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายรวมถึงข้อเสนอ 10 ข้อของนักศึกษาที่ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ด้วยนั้น
การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดดังกล่าว เป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.92(2) ที่ระบุไว้ชัดเจนว่า เมื่อ กกต.มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น นั่นคือ “กระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข”
และวันนี้ พรรคก้าวไกล ก็ออกมาแถลงข่าว ยอมถอย ไม่เสนอญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 หรือไม่แตะหมวดที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์แล้ว
แน่นอน, ประเด็นสำคัญก็คือ ความเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคมีสูงนั่นเอง เพราะถ้าดูตามเนื้อหาที่ต้องการแก้ไข โดยหลักน่าจะยึดตาม 10 ข้อ ที่ม็อบธรรมศาสตร์และการชุมนุม เสนอ ถือว่าสุ่มเสี่ยงอย่างยิ่ง
คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล คงประเมินผลได้ผลเสีย รวมทั้งกระแสสังคมออกมาแล้ว ว่า ไม่เป็นบวกที่จะดันทุรังต่อไป อีกอย่าง แกนนำคณะก้าวหน้า ก็ไม่กล้าจริง อย่างที่ “สมศักดิ์ เจียมฯ” ปรามาสเอาไว้ ส่วนที่ดูเหมือนเอาด้วย ก็เพราะท่าทีเช่นนี้ของนักการเมืองมัน “ดูหล่อ” ในสถานการณ์การชุมนุมของกลุ่มเยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ซึ่งถ้าดูจากประเด็นที่เรียกร้อง ก็ถือว่า แกนนำคณะก้าวหน้าเป็น “ฮีโร่” นั่นเอง
ยิ่งกว่านั้น ถ้ามองให้ลึกซึ้ง หมากเกมนี้คณะก้าวหน้า และพรรคก้าวไกล ไม่ถอยจริง และตั้งใจที่จะไม่เอาตัวเข้าแลกตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ว่า การแสดงท่าทีตอบรับม็อบเยาวชนปลดแอก (อาจจะไม่ใช่แค่อยากหล่อ) และแม้แต่การใช้ข้ออ้างอาจถูก “ยุบพรรค” เป็นทางถอย ก็เพื่อที่จะสร้างแรงกดดันให้กับม็อบเยาวชน และทำให้การยกระดับการชุมนุมเมื่อข้อเรียกร้องกำลังจะ “แห้ว” เป็นแรงขับดันที่พุ่งพล่านทะลักจุดแตก แล้วคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล ก็มีคำอธิบายที่ “บิด” ได้อยู่แล้ว ไม่เชื่อคอยดู
แต่เหนืออื่นใด มันสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนด้วยว่า ใครที่กำลังตกเป็น “เหยื่อ” ใครที่กำลังรอโอกาสที่จะฉกฉวยเอาชัยชนะ และผลประโยชน์ทางการเมือง จากชีวิตและเลือดเนื้อของเหยื่อ อันน่าสังเวชใจยิ่ง ถ้าเกิดความรุนแรง!