xs
xsm
sm
md
lg

อ้าว ปชต.คุกคาม!? เพจดังเผย “จอน-ภูมิวัฒน์” ต้องหนี หลังไม่ขอสู้เพื่อ ปชต.และแฉมีคนรับเงิน “สถานทูต-NGO”

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ จากเฟซบุ๊ก The METTAD
เฟซบุ๊ก The METTAD และ “ต้องพิสูจน์” พร้อมใจแชร์ The Reporters ที่เสนอข่าวอ้างได้สัมภาษณ์ “ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์” หรือ “จอน” ในประเด็นที่หายตัวไป ระบุ “ต้องหนี เพราะกลัวคุกคาม!” พร้อมวลีเด็ดเหน็บเจ็บ ฝ่าย ปชต.

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (20 ส.ค. 63) เฟซบุ๊ก The METTAD โพสต์ข้อความระบุว่า

“ปชต คุกคาม เผ็ดกลาง
ปชต เทกันเอง
ปชต แหก ปชต
ปชต คุกคาม ปชต”

และแชร์ เฟซบุ๊ก “ซึ่งต้องพิสูจน์” ที่โพสต์หัวข้อ “ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ ชี้แจง ต้องหนี เพราะกลัวคุกคาม!”
โดยระบุว่า “20 ส.ค. 63 The Reporters เสนอข่าวอ้างได้สัมภาษณ์ “ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์” ในประเด็นที่หายตัวไป
------------------
The Reporters ได้พูดคุยกับ นายภูมิวัฒน์ หรือ จอน ในวันที่ 18 ส.ค. 63 ก่อนที่จะไม่มีใครติดต่อจอนได้นั้น จอน เปิดเผยว่า ขอยุติบทบาทการเป็นสมาชิกนวชีวิน และขอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัยสักระยะ และคงไม่ได้เข้าร่วมกับการต่อสู้ในขบวนการนักศึกษาในครั้งนี้อีกแล้ว

โดยระบุสาเหตุที่ออกมาโพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 63 ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพราะไม่เห็นด้วยกับคุมอำนาจของคนในขบวน

“รู้สึกว่า ไม่ได้รับความจริงใจมากพอ เป็นความเศร้าส่วนตัว เรารู้สึกว่า สิ่งที่ทำกับเราวันนั้น มันแย่เกินไป ไม่ได้เพิ่งมาเกิด แต่เกิดมาหลายปีแล้ว ระหว่างทางเจอเรื่องแย่ๆ กลับมาครั้งนี้ ยังมีคนหน้าเก่าในขบวน ที่ยังพยายามควบคุมคนอื่นอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องตัวบุคคล ที่มีอำนาจในขบวนสูงมาก ซึ่งขัดหลักการในการต่อสู้ ที่ทุกคนต้องมีสิทธิ เสรีภาพ อย่างเท่าเทียม เพราะเขาไม่คิดว่าเราเป็นคนในขบวนการ” จอน กล่าว

นายภูมิวัฒน์ ยอมรับว่า ขณะนี้กังวลความปลอดภัยของตัวเอง เพราะเคยมีคนพูดแบบนี้ แล้วถูกคุกคาม จึงเป็นห่วงความปลอดภัย คิดว่า คงจะไปอยู่ที่อื่นสักพัก โดยยอมรับว่า ถูกมองเป็นหนอนบ่อนไส้เป็นเรื่องธรรมดา จึงเตรียมใจไว้แล้ว อาจต้องหนีไปอยู่ที่อื่นสักพัก

จอน กล่าวทิ้งท้ายว่า ในขบวนประชาธิปไตย ทันทีที่พูดความจริง นำเรื่องส่วนตัวมาโจมตี สุดท้ายพวกเขาไม่ได้เปิดใจให้พูดเรื่องราวต่างๆ มากมายพอ
https://www.facebook.com/2287975534786167/posts/2730091150574601

สำหรับรายละเอียดในเฟซบุ๊ก “The Reporters” นั้น ระบุว่า

“SPECIAL: เปิดเบื้องหลัง #จอนไม่เท่ากับนวชีวิน หลังถูกแฉ #นวชีวินโป๊ะแตก จอน ขอยุติบทบาท รับเตรียมใจถูกมองเป็นหนอนบ่อนไส้ หลังออกมาแฉการคุมอำนาจในการนำของขบวนการนักศึกษา ขอหนีไปอยู่ที่อื่นสักพัก ขณะที่สมาชิกนวชีวิน ทยอยลาออก พร้อมแถลงข่าวล่าสุด การกระทำของ จอน ไม่เกี่ยวกับ นวชีวิน

หลังจาก นายภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ หรือ จอน สมาชิกแนวร่วมนวชีวิน ที่เคยออกมาอดข้าวประท้วงรัฐบาล ออกมาแฉความขัดแย้งภายในขบวนการนักศึกษา จากกรณีไม่ได้ขึ้นเวทีปราศรัยที่หน้า สน.บางเขน เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม โดยระบุว่า มีความพยายามคุมอำนาจภายในขบวนการนักศึกษาสูงมาก จากนั้นมีการออกมาแฉพฤติกรรมของจอน ที่เกี่ยวกับเงินบริจาค และหลายประเด็น จนเกิด #นวชีวินโป๊ะแตก

The Reporters ได้พูดคุยกับ นายภูมิวัฒน์ หรือ จอน ในวันที่ 18 ส.ค. 63 ก่อนที่จะไม่มีใครติดต่อจอนได้นั้น จอน เปิดเผยว่า ขอยุติบทบาท การเป็นสมาชิกนวชีวิน และขอหนีไปอยู่ในที่ปลอดภัยสักระยะ และคงไม่ได้เข้าร่วมกับการต่อสู้ในขบวนการนักศึกษาในครั้งนี้อีกแล้ว โดยระบุสาเหตุที่ออกมาโพสต์ข้อความ เมื่อวันที่ 8 ส.ค. 63 ในเฟซบุ๊กส่วนตัว เพราะไม่เห็นด้วยกับคุมอำนาจของคนในขบวน

“รู้สึกว่าไม่ได้รับความจริงใจมากพอ เป็นความเศร้าส่วนตัว เรารู้สึกว่า สิ่งที่ทำกับเราวันนั้น มันแย่เกินไป ไม่ได้เพิ่งมาเกิด แต่เกิดมาหลายปีแล้ว ระหว่างทางเจอเรื่องแย่ๆ กลับมาครั้งนี้ ยังมีคนหน้าเก่าในขบวน ที่ยังพยายามควบคุมคนอื่นอยู่ ซึ่งเป็นเรื่องตัวบุคคล ที่มีอำนาจในขบวนสูงมาก ซึ่งขัดหลักการในการต่อสู้ ที่ทุกคนต้องมีสิทธิ เสรีภาพ อย่างเท่าเทียม เพราะเขาไม่คิดว่าเราเป็นคนในขบวนการ” จอน กล่าว

นายภูมิวัฒน์ ยอมรับว่า ขณะนี้กังวลความปลอดภัยของตัวเอง เพราะเคยมีคนพูดแบบนี้ แล้วถูกคุกคาม จึงเป็นห่วงความปลอดภัย คิดว่าคงจะไปอยู่ที่อื่นสักพัก โดยยอมรับว่า ถูกมองเป็นหนอนบ่อนไส้เป็นเรื่องธรรมดา จึงเตรียมใจไว้แล้ว อาจต้องหนีไปอยู่ที่อื่นสักพัก

จอน กล่าวทิ้งท้ายว่า ในขบวนประชาธิปไตย ทันทีที่พูดความจริง นำเรื่องส่วนตัวมาโจมตี สุดท้ายพวกเขาไม่ได้เปิดใจให้พูดเรื่องราวต่างๆ มากมายพอ

ภาพ นายภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ (ขวามือ) ขณะประท้วงอดข้าว จากแฟ้ม
จากนั้น แนวร่วมนวชีวิน มีแถลงการณ์กรณีการโพสต์ข้อความของ จอน โดยระบุว่า การโพสต์ของจอน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับมติของแนวร่วม รวมถึงไม่มีผู้ใดในแนวร่วมนวชีวินเกี่ยวข้องกับโพสต์ของจอน ซึ่งได้ถอนตัวจากตำแหน่งประสานงานและถอนตัวจากการทำงานกับแนวร่วมนวชีวิต ตั้งแต่วันที่ 18 ส.ค.เวลา 14.20 น. โดยแนวร่วมนวชีวิตขออภัยเป็นอย่างยิ่ง และขอยืนยันว่า ยังคงยึดมั่นในอุดมการณ์ที่จะอยู่เคียงข้างประชาชนในการต่อต้านเผด็จการ

ต่อมา น.ส.ศิริกัญญา ทองเชื้อ ประกาศลาออกจากแนวร่วมนวชีวิน เพื่อแสดงความรับผิดชอบจากการโพสต์ข้อความ ที่มีการพาดพิงบุคคลที่ 3 โดยไม่คิดให้รอบคอบ ทำให้ภาพลักษณ์ของนวชีวินแย่ลง และมีการนำเอกสารค่าใช้จ่ายจากเงินที่ได้รับบริจาคจากงานวิ่งแฮมทาโร่มาชี้แจง

ล่าสุด เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 20 ส.ค. 63 แนวร่วมนวชีวิน ได้ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีพฤติกรรมของนายภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ อดีตแนวร่วมนวชีวิน ที่สร้างความโกรธแค้นให้กับประชาชนทุกคนที่รับรู้เรื่องราวและต้องการให้แนวร่วมนวชีวินออกมาชี้แจง ทางแนวร่วมนวชีวินไม่ได้นิ่งนอนใจ จึงได้สืบหาข้อมูลหลักฐานต่างๆ มาชี้แจงดังนี้
1. แนวร่วมนวชีวิน ขอยืนยันว่า ไม่เคยทราบเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวและการเป็นสายให้กับเจ้าหน้าที่รัฐมาก่อน ส่วนเหตุผลที่ไม่ได้ตรวจสอบพฤติกรรมมาตั้งแต่ก่อนนายภูมิวัฒน์ จะเข้ามาในแนวร่วม เพราะนายภูมิวัฒน์ เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งแนวร่วมนวชีวิน

2. กรณีที่มีผู้กล่าวหาว่า นายภูมิวัฒน์ เป็นสายให้เจ้าหน้าที่รัฐท่านหนึ่ง ทางแนวร่วมได้ไปสอบถามพยาน ซึ่งพยานทุกท่านให้ข้อมูลตรงกันทุกประการว่า นายภูมิวัฒน์ ได้กล่าวว่า ตนเป็นสายให้กับเจ้าหน้าที่รัฐท่านหนึ่ง และได้รับเงินจากเจ้าหน้าที่รัฐท่านนั้นจริง ซึ่งพยานบางส่วนไม่ประสงค์จะเปิดเผยหลักฐานการพูดคุย รวมถึงข้อมูลส่วนตัวของพยาน แต่ก็ได้มีพยานที่ยินดีให้เปิดเผยหลักฐานการพูดคุย

3. กรณีเรื่องพฤติกรรมส่วนตัวของนายภูมิวัฒน์ มีหลายประเด็นที่นำมาเปิดเผยพร้อมหลักฐาน

โดยแนวร่วมนวชีวิน แสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พร้อมเรียกร้องนายภูมิวัฒน์ ออกมาชี้แจงและแสดงความรับผิดชอบกับการกระทำของตน ที่ส่งผลกระทบถึงแนวร่วมนวชีวินคนอื่นด้วย

น.ส.ศิรัญญา ทองเชื้อ เปิดเผยกับ The Reporters กรณีตัดสินใจลาออกจากสมาชิกแนวร่วมนวชีวิน เพราะต้องการรับผิดชอบส่วนตัว ซึ่งยืนยันว่าไม่เคยรับรู้ หรือเกี่ยวข้องกับพฤติกรรมของ จอน เลย

น.ส.ศิริกัญญา เปิดเผยว่า แนวร่วมนวชีวินก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณต้นเดือนมีนาคม 2563 โดยมี จอน และกลุ่มเพื่อนนักศึกษาหลายมหาวิทยาลัย มีคณะทำงานประมาณ 20 คน สมาชิกทั้งหมดประมาณ 50 คน เป็นนักศึกษาและภาคประชาชน

“เรื่องได้รับเงิน ได้ยินมา พยายามติดต่อจอน เพื่อสอบถาม แต่จอนก็ไม่ได้ตอบ ไม่ได้ติดต่อผ่านใครมา ยังไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจน ว่าตกลงจอน เป็นคนทำไหม ได้แต่สืบพบประเด็นอื่นๆ ต่อมา” ศิริกัญญา กล่าว

“จุดเริ่มต้นไม่ได้เงินเลย เริ่มมาได้เงินตอนทำวิ่งแฮมทาโร่ ได้เพราะทำร่วมกับกลุ่มน้องมัธยม มีการเปิดรับบริจาค เงินที่ได้เอามารันงาน ตกลงกันว่าเหลือเท่าไหร่เอาเข้ามูลนิธิกระจกเงา ก็เคลียร์เรียบร้อย แต่ว่าในวันงานมีการเปิดกล่องรับบริจาคซึ่งอันนั้นตกลงกันว่าให้เป็นกล่องที่เข้านวชีวิน ซึ่งเขียนไว้ที่กล่อง เป็นตรงนั้นที่ได้เงินมา” ศิริกัญญา ชี้แจง
ตอนแรกคนคิดกันว่า จอน = นวชีวิน ทุกอย่างที่จอน พูดหรือโพสต์ มาจากมติของกลุ่ม หนูเลยตอบในทวีตส่วนตัวว่ามันไม่ใช่ และออกแถลงการณ์แล้วว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่จอน พูด ไม่ได้เกี่ยวข้องกับมติของกลุ่ม ทำให้กระแสก็ดีขึ้น คนเริ่มเข้าใจ ว่าเป็นการกระทำของจอน แต่เขาก็ต้องการให้กลุ่มมาบอกความชัดเจนในประเด็นของจอน จึงต้องมายืนยันว่า #จอนไม่เท่ากับนวชีวิน
#TheReporters #เดอะรีพอร์ตเตอร์ #จอนไม่เท่ากับนวชีวิน

ทั้งนี้ เมื่อ 2 วันก่อนหน้านี้ “ซึ่งต้องพิสูจน์” โพสต์ข้อความระบุว่า “FB ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ คนที่อดข้าวประท้วง หายไปไหน ?”

อ้างอิงข้อมูล 13.00 น. https://www.facebook.com/johncandyf
หลังเป็นข่าว กรณีแสดงความเห็น ไม่ขอสู้เพื่อปชต.เเละเเฉมีคนรับเงิน สถานทูต NGO ต่างชาติ”

แน่นอน, ประเด็นที่น่าสนใจ ก็คือ เบื้องลึกเบื้องหลังของแต่ละกลุ่มที่เข้ามาร่วมชุมนุมกับ “ม็อบเยาวชนปลดแอก” นอกจากมีหลายกลุ่มแล้ว ยังมีผู้บงการอย่างชัดเจน กรณีการออกมาแฉของ ภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ และไม่มีใครกล้าปฏิเสธเรื่องนี้ รวมถึง กรณีมีคนรับเงินจากสถานทูต และ NGO ต่างชาติ ด้วย ก็ไม่มีใครออกมาแก้ข้อกล่าวหาว่าไม่จริง

มีก็แต่การออกแถลงการณ์ หรือ สรรหาข้อมูลมากล่าวอ้างพฤติกรรมของ “จอน-ภูมิวัฒน์” ว่า ไม่ชอบมาพากลอย่างไร รวมถึงมีคนอ้างว่าเขายอมรับเป็นสายตำรวจเท่านั้น ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าตัวยอมรับเพียงว่า เคยดื่มเหล้ากับตำรวจ และมีเพื่อนไปด้วย แล้วถูกเพื่อนเอาเรื่องนี้มาใส่ร้าย (วันแรกที่ออกมาแฉ)

เมื่อเป็นเช่นนี้ สิ่งที่น่าจับตามอง อาจไม่ใช่แค่เรื่องของ “จอน-ภูมิวัฒน์” กับ “นวชีวิน” เป็นสำคัญ อย่าหลงประเด็น เรื่องที่ใหญ่กว่าก็ยังคงเป็น มีคนรับเงินจากสถานทูต และ NGO ต่างชาติ จริงหรือไม่ แล้วเขาเหล่านั้น มีใครบ้าง คือ โจทย์ใหญ่ในการแก้ปัญหาความขัดแย้ง แตกแยกในประเทศไทย ที่จะต้องถูกจัดการ มิเช่นนั้น การปลุกปั่นอย่างไม่รู้จบ ก็จะขยายวงกว้างจนยากแก้ไขอย่างแน่นอน ไม่เชื่อคอยดู!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น