xs
xsm
sm
md
lg

“ศักดิ์สยาม” เผยนายกฯ เตรียมเปิดทางหลวงหมายเลข 7 โวราคายางพุ่งหลังจ่อทำ RFB-RGP

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



รมว.คมนาคม เผยนายกฯ เป็น ปธ.เปิดทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 พัทยา-มาบตาพุด 24 ส.ค. และเปิดใช้งานคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ (RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (RGP) 25 ส.ค. เผยแค่มีข่าวพิธีเปิด ราคายางพุ่งสูงทำลายสถิติรอบ 8 เดือน

วันนี้ (20 ส.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563 พล.อ.ประยทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหมจะเดินทางไปเปิดการใช้งานโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยาย ช่วงพัทยา-มาบตาพุด อย่างเป็นทางการ โดยด่านทุกด่านพร้อมเปิดให้บริการ ประกอบไปด้วย ด่านห้วยใหญ่ ด่านเขาชีโอน และด่านมาบตาพุด เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งและโลจิสติกส์ของภาคอุตสาหกรรม เติมเต็มโครงข่ายคมนาคมขนส่งในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) คาดการณ์ว่าจะมีปริมาณรถมาใช้บริการไม่ต่ำกว่า 36,000 คันต่อวัน ลดเวลาการเดินทางจาก มาบตาพุด-พัทยา ด้วยเวลาน้อยกว่า 30 นาที จึงเป็นถนนที่จะสร้างงาน สร้างรายได้ ทำเงิน ทำทอง ให้แก่พี่น้องประชาชน

“โครงการได้ออกแบบงานระบบตามมาตรฐานทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง โดยจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบระบบปิด คิดอัตราค่าผ่านทางตามระยะทางที่ใช้จริง ประกอบด้วย ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านแบบเงินสด (MTC) และระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบอัตโนมัติ (ETC) ซึ่งในอนาคตสามารถพัฒนาสู่ระบบจัดเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น (M-Flow) ตลอดสายทาง”

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า กรมทางหลวงกำลังดำเนินการส่วนต่อขยายถึงสนามบินอู่ตะเภา ซึ่งจะมีระยะทางเพิ่มเติมอีกประมาณ 7 กม. ทั้งนี้ เพื่อรองรับผู้โดยสารมาใช้บริการที่สนามบินอู่ตะเภาในอนาคตที่คาดว่าจะมีผู้โดยสารเพิ่มเป็น 60 ล้านคนต่อปี รวมทั้งเติมเต็มโครงข่าย EEC อีกด้วย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมกล่าวด้วยว่า ในวันที่ 25 สิงหาคม 2563 หลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่จังหวัดระยอง พล.อ.ประยทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปที่ จังหวัดจันทบุรี เพื่อเป็นประธานเปิดการใช้กำแพงคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ (RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (RGP) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ถือเป็นการปักหมุดโครงการนี้ในประเทศไทย

รมว.คมนาคมกล่าวว่า จากความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคม โดยกรมทางหลวงชนบท มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยกรมส่งเสริมสหกรณ์ ที่ช่วยกันผลิตคิดค้นตามโครงการนำยางพารามาใช้ในประเทศจนประสบความสำเร็จ ผ่านการทดสอบของสถาบัน National Highway Traffic Safety Administration (NHTSA) ประเทศเกาหลีใต้ ในมาตรฐานระดับโลก สำหรับความปลอดภัยในด้านการจราจรถือเป็นความสำเร็จของนโยบาย Thai First ไทยทำ ไทยใช้ คนไทยต้องได้ก่อน ในพิธีจะมีนิทรรศการเสมือนจริง ในการสาธิตขั้นตอนต่างๆ อย่างละเอียด ตั้งแต่การผสมยาง การขึ้นแบบ การอบ จนถึงการทาสีอุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิด พร้อมรับชมการติดตั้งบนถนนจริง ซึ่งจะเห็นได้ว่าใช้เวลารวดเร็ว ใช้เพียง 1 ช่องทางในการทำงานเท่านั้น

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า โครงการในช่วง 3 ปีแรกจะมีการใช้ยางพาราจำนวนไม่น้อยกว่า 1.007 ล้านตัน เกษตรกรชาวสวนยางพาราจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท และในช่วงปีที่ 3 วัสดุยางพาราจะเสื่อมสภาพ หมดอายุการใช้งาน ในปีต่อไปจึงต้องใช้ยางพารามาผลิตวัสดุยางพาราใหม่ หมุนเวียนไปทุกๆ ปี ดังนั้นจึงจะทำให้เป็นการสร้างเสถียรภาพยางพาราอย่างยั่งยืน

“ครบ 3 ปีจะต้องเปลี่ยน เฉพาะ Rubber Fender 1/3 เพราะ Rubber Fender มีอายุใช้งานกลางแจ้งได้ครั้งละ 3 ปี ซึ่งจะทำให้ต้องมีการสร้าง Rubber Fender ทดแทนทุกปี เริ่มจากปี 2566 เป็นต้นไป ซื่งจะต้องใช้น้ำยางดิบ ปีละประมาณ 3.5 แสนตัน ในการผลิต Rubber Fender สำหรับ Concrete Barriers เมื่อดำเนินการติดตั้งแล้ว สามารถใช้เป็นอุปกรณ์ด้านความปลอดภัยทางถนนได้ตลอดไป” รมว.คมนาคมกล่าว

นายศักดิ์สยามกล่าวว่า นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมยังได้ค้นพบว่าวัสดุที่ทำจากยางพาราในแต่ละปีมีการนำไปเผาทิ้งจำนวนมาก เช่น ยางรถยนต์ ส่งผลต่อมลพิษทางอากาศ ก๊าซพิษ และฝุ่นผงจำนวนมาก รวมถึงนำแผ่นยางธรรมชาติหุ้มคอนกรีต (RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (RGP) ที่หมดอายุ โดยมีข้อเสนอให้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่เรียกว่า “การรีไซเคิล ผลิตภัณฑ์จากยางพาราที่ใช้ในการขนส่ง เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ” (BCG) มาใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการ เพื่อจะเป็นความรับผิดชอบต่อสังคมอีกด้วย ขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษารูปแบบความเป็นไปได้ที่จะดำเนินการต่อไป

ทั้งนี้ ทราบข่าวจากนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ว่าในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคายางพารา 3 ชนิด ณ วันที่ 13 สิงหาคม 2563 ได้แก่ น้ำยางสด ราคา 43 บาท/กิโลกรัม ยางแผ่นดิบ 46.05 บาท/กิโลกรัม ยางแผ่นรมควันชั้น3 ราคา 48.70บาท/กิโลกรัม ถือว่าราคายางขยับพุ่งพรวดทุบสถิติในรอบ 8 เดือน โดยมีปัจจัยจากข่าวสารเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะไปเป็นประธานในเปิดโครงการคอนกรีตหุ้มด้วยแผ่นยางธรรมชาติ (RFB) และหลักนำทางยางธรรมชาติ (RGP) เป็นครั้งแรกในประเทศไทย เป็นส่วนประกอบสำคัญของราคายางที่จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องอีกด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น