xs
xsm
sm
md
lg

เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีฯ ร้องสอดหลังบริษัทสารใหญ่ข้ามชาติ ขวางเพิกถอนแบนพาราควอต

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีฯ ยื่นร้องสอดคดีบริษัทสารเคมียักษ์ใหญ่ข้ามชาติ ต่อศาลปกครองขวางเพิกถอนประกาศแบนสารพาราควอต-คลอร์ไพริฟอส พร้อมเตรียมข้อมูลผลกระทบ 2 สารพิษอันตราย หวังศาลคุ้มครองสุขภาพเกษตรกร-ผู้บริโภค และสิ่งแวดล้อม

วันนี้ (18 ส.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช ภายใต้การขับเคลื่อน มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และ มูลนิธิชีววิถี ได้ร้องสอดเป็นคู่ความที่ 3 เข้าไปในคดีต่อศาลปกคลองกลางในวันที่ 18 ส.ค. เวลา 13.30 น. หลังบริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด บริษัทผู้ประกอบการผลิตและนำเข้าสารเคมีการเกษตรรายใหญ่ ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ ได้ยื่นฟ้องกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง รวม 5 ราย ต่อศาลปกครองกลาง โดยมีคำขอให้ศาลเพิกถอนประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 และคำสั่งกรมวิชาการเกษตร ที่ 750/2563 เรื่อง การดำเนินการเกี่ยวกับวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งจะมีผลให้สามารถมีการนำเข้าและจำหน่ายสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอสได้ต่อไป ทั้งๆที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์เองได้ห้ามใช้พาราควอตมากว่า 20 ปีแล้ว

ภายหลังจากเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2563 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม โดยความเห็นของคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้ออกประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2563 กำหนดให้สารพาราควอต และสารคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นสารเคมีป้องกันกำจัดศัตรูพืชที่มีอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมร้ายแรง เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามมิให้มีการผลิต การนำเข้า การส่งออก การนำผ่าน หรือการมีไว้ในครอบครอง โดยมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2563 เป็นต้นมานั้น

ด้วยเหตุนี้ มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค และมูลนิธิชีววิถี ในฐานะตัวแทนเครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (Thailand Pesticide Alert Network: Thai-PAN) ซึ่งเป็นเครือข่ายความร่วมมือของกลุ่มนักวิชาการจากหลากหลายสาขา องค์กรสาธารณประโยชน์ด้านการเกษตรและการคุ้มครองผู้บริโภค และกลุ่มเกษตรกรที่ได้ร่วมกันศึกษาติดตามข้อมูลปัญหาความเป็นอันตรายและผลกระทบจากการใช้สารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส และได้รณรงค์สื่อสารข้อมูลต่อสาธารณะและหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องอย่างต่อเนื่อง เห็นว่า การออกประกาศแบนสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส เป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับข้อมูลวิชาการความเป็นอันตรายร้ายแรงและผลกระทบจากการใช้สารเคมีทั้ง 2 ชนิด ตรงตามเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 มาตรา 18 แล้ว คือ “เพื่อประโยชน์แก่การป้องกันและระงับอันตรายที่อาจมีแก่บุคคล สัตว์ พืช ทรัพย์ หรือสิ่งแวดล้อม” กับทั้งหลายหน่วยงาน เช่น กระทรวงสาธารณสุข สภาเกษตรกรแห่งชาติ คณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้ตรวจการแผ่นดิน และแพทยสภา ก็ได้มีความเห็นข้อเสนอตรงกันให้แบนสารพาราควอตและสารคลอร์ไพริฟอส

เครือข่ายฯ จึงเล็งเห็นถึงความจำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิร้องสอด ขอเข้าเป็นคู่ความฝ่ายที่สามในคดีนี้เพื่อเข้าร่วมนำเสนอข้อมูลเพิ่มเติมจากที่หน่วยงานราชการชี้แจงต่อศาลปกครอง เพื่อให้ผลคำพิพากษานำไปสู่การคุ้มครองสิทธิตามรัฐธรรมนูญของประชาชน ผู้บริโภค เกษตรกร และปกป้องประโยชน์ของสาธารณะและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริง
คดีหมายเลขดำที่ ส.12/2563 ศาลปกครองกลาง แผนกคดีสิ่งแวดล้อม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ คู่ความในคดีนี้ประกอบด้วย ผู้ฟ้องคดี : บริษัท ซินเจนทา ครอป โปรเทคชั่น จำกัด

ผู้ถูกฟ้องคดี : 1. กระทรวงอุตสาหกรรม 2. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม 
3. คณะกรรมการวัตถุอันตราย 4. กรมวิชาการเกษตร 5. อธิบดีกรมวิชาการเกษตร และ ผู้ร้องสอด : มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ผู้ร้องที่ 1, มูลนิธิชีววิถี ผู้ร้องที่ 2








กำลังโหลดความคิดเห็น