เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ร้องคณะกรรมการอัยการ เอาผิดวินัย-จริยธรรม “เนตร นาคสุข” รองอัยการสูงสุด ปมมีคำสั่งไม่สั่งฟ้อง “บอส อยู่วิทยา”
วันนี้ (11 ส.ค.) นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้ายื่นคำร้องต่อประธานและคณะกรรมการอัยการ หรือ ก.อ. ขอให้ใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ 2553 ม.30 (8) ดําเนินการเอาผิดทางวินัยและจริยธรรมต่อนายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด ที่มีคำสั่งเด็ดขาดไม่ฟ้องนายวรยุทธ อยู่วิทยา ในทุกข้อกล่าวหา แม้คณะทำงานตรวจสอบกรณีอัยการไม่สั่งฟ้องนายวรยุทธ ผู้ต้องหาหนีคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิต ที่แต่งตั้งโดยอัยการสูงสุดระบุคำสั่งไม่ฟ้องทายาทกระทิงแดงเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของสำนักงานอัยการสูงสุด แต่พบพยานหลักฐานเพิ่มเติมใน 2 ประเด็น คือ ความเร็วรถและยาเสพติด ที่สามารถดำเนินคดีทายาทกระทิงแดงต่อได้
ประกอบกับการที่นายอรรถพล ใหญ่สว่าง ประธานคณะกรรมการอัยการ ได้ออกมาเปิดเผยและทำหนังสือบันทึกข้อความถึงอัยการสูงสุด 6 ข้อ ยืนยันคำสั่งนายเนตร นาคสุข ไม่ฟ้องนายวรยุทธไม่ชอบด้วยกฎหมาย หลังจากที่นายพงษ์นิวัฒน์ ยุทธภัณฑ์บริภาร อดีตอัยการสูงสุด เคยมีคำสั่งยุติการร้องขอความเป็นธรรมไปเเล้ว ดังนั้นรองอัยการสูงสุดที่ได้รับมอบหมายหรือปฏิบัติราชการแทน จึงไม่มีอำนาจสั่งคดีดังกล่าวหากอัยการสูงสุดไม่ได้มีคำสั่ง ดังนั้น คำสั่งฟ้องของอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญากรุงเทพใต้ จึงยังคงใช้บังคับอยู่เช่นเดิม แต่การที่รองอัยการสูงสุดสั่งให้พิจารณาคำร้องขอความเป็นธรรมอีกครั้งหนึ่งจนนำมาสู่การพิจารณาสั่งไม่ฟ้องในที่สุด ทั้งๆ ที่อัยการสูงสุดคนก่อนหน้านี้มีคำสั่งให้ยุติการพิจารณาการร้องขอความเป็นธรรมไปแล้ว แต่นายเนตร นาคสุข รองอัยการสูงสุด กลับรับคำร้องขอความเป็นธรรมมาพิจารณาสั่งคดีอีก จึงถือได้ว่าเป็นการใช้ดุลพินิจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนต่อประธานและคณะกรรมการอัยการ ที่จะมีการประชุมกันในสัปดาห์หน้า เพื่อให้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ ระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ 2553 ม.30 (8) ประกอบเพื่อดําเนินการเอาผิดทางวินัยและจริยธรรมต่อนายเนตร นาคสุข ตามที่ประมวลจริยธรรม ข้าราชการฝ่ายอัยการและบุคลากรของสำนักงานอัยการสูงสุด ที่ระบุว่าข้าราชการฝ่ายอัยการต้องยืนหยัดทําในสิ่งที่ถูกต้อง เป็นธรรม และถูกกฎหมาย และข้าราชการอัยการต้องรักษาไว้ซึ่งอุดมการณ์แห่งวิชาชีพ และจริยธรรมนี้อย่างเคร่งครัด ไม่กระทําการใดๆ อันอาจนํามา ซึ่งความเสื่อมเสียต่อเกียรติศักดิ์แห่งวิชาชีพ หากกรณีดังกล่าวเป็นไปตามที่ประธานคณะกรรมการอัยการ ได้ทำหนังสือท้วงติงถึงอัยการสูงสุด ที่อาจขัดระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุดว่าด้วยการดำเนินคดีอาญาของพนักงานอัยการ พ.ศ. 2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
นายศรีสุวรรณยังกล่าวด้วยว่า เรื่องการสั่งคดีหลายคดีที่รองอัยการสูงสุดสั่งคดีไปโดยเป็นที่แคลงใจของประชาชน ควรต้องพิจารณาว่าเหตุใดอัยการสูงสุดไม่ทำเดินการเอง แต่ให้รองอัยการดำเนินการ เพราะจากคดีใหญ่หลายคดีพอมาถึงการสั่งคดีกลับกลายเป็นการสั่งไม่ฟ้อง