“ประยุทธ์” เผยเล็งใช้กลไกที่มีอยู่แก้กฎหมายให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ไม่ให้เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ อาจต้องใช้เวลาพอสมควร
วันนี้ (29 ก.ค.) เมื่อเวลา 12.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในที่ประชุม ครม.ได้พูดคุยกันหลายเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชน สิ่งที่ตนได้ย้ำไปคือเราต้องไปดูเรื่องของกฎหมายต่างๆ วันนี้ต้องพยายามเสนอกฎหมายให้ผ่าน ครม.ให้ได้ เพื่อที่จะเข้าไปสู่กระบวนการของสภา ตนได้ประชุมกับทุกหน่วยงานมาแล้วว่ามีอะไรบ้างที่เป็นอุปสรรคซึ่งมีอยู่หลายอย่างและเราพยายามแก้มาตลอด ต้องใช้เวลาพอสมควรเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์วันนี้ โดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวก กฎหมายออนไลน์ กฎหมายการลงทุนต่างๆ กำลังมีการเร่งรัดอยู่ จะได้สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน ถ้าใช้กฎหมายเดิมก็จะติดขัดกันไปหมด
นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการฝ่ายกฎหมายกำลังเร่งรัดเรื่องนี้อยู่ จะสังเกตเห็นว่ากฎหมายเดิมๆ ส่วนใหญ่จะเป็นในเรื่องของการอนุมัติ การอนุญาต การลงโทษ ตนคิดว่ามันน่าจะพอเพียงแล้ว แต่เราต้องไปดูในเรื่องของกระบวนการที่ว่าจะทำอย่างไรให้โปร่งใส เป็นธรรม ส่วนกฎหมายใหม่ๆ เช่น การอำนวยความสะดวกประชาชน กฎหมายที่ทำให้ประชาชนเข้าถึงได้ ซึ่งมีกฎหมายหลายอย่างที่จะต้องวางกันใหม่เพื่อให้ประเทศเดินไปข้างหน้า ทุกอย่างไม่สามารถเปลี่ยนหน้ามือเป็นหลังมือได้ในทันที ต้องแก้กฎหมายไปด้วย ใช้กลไกที่มีอยู่ในการแก้ปัญหา
นายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ตนได้ย้ำไปว่ามีอะไรที่ประชาชน จะมีเครื่องไม้เครื่องมือในการทำการเกษตร ในการขุดลอกแหล่งน้ำเองหรือไม่ ซึ่งจำเป็นต้องหารือร่วมกัน และเมื่อวานตนได้หารือกับผู้ประกอบการรายใหญ่ โดยขอร้องให้ช่วยกันดูแลเรื่องแหล่งน้ำของหมู่บ้านได้หรือไม่ ก็มีการรับปากว่าจะไปคุยกันเพื่อที่จะไปช่วยทำแหล่งน้ำให้กับประชาชนในหมู่บ้าน โดยผู้ประกอบการเขาจะทำกันเอง ส่วนรัฐบาลก็จะไปดูในเรื่องของแหล่งน้ำขนาดใหญ่
นอกจากนี้ ยังมีความคิดว่าทำอย่างไรจะมีข้อกลาง สำหรับสัตว์ โค กระบือให้กับหมู่บ้านซึ่งก็ต้องใช้งบประมาณทั้งนั้น ก็เพื่อเป็นการหารายได้ให้กับส่วนรวมในหมู่บ้านจะได้หรือไม่ อาจจะเป็นการนำน้ำเชื้อของโคกระบือในบ้านเราที่แข็งแรง เอาน้ำเชื้อจากกรมปศุสัตว์ไปผสมให้เขา จะได้มีข้อกลางของแต่ละหมู่บ้าน เราต้องสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้ได้ เเต่ประชาชนเองต้องรู้จักดูแลรักษา ต้องเรียนรู้ไปด้วยกัน นายกฯ ทำคนเดียวไม่ไหว ทุกอย่างต้องร่วมมือกันทั้งหมด ที่เรียกว่ารวมไทยสร้างชาติ ทั้งภาคธุรกิจเอกชนไม่ต้องเอาเงินไปให้รัฐบาล เอกชนก็ใช้เงินของตัวเองไปช่วยเรื่องน้ำ เรื่องการส่งเสริมการเกษตร หรือจะช่วยอะไรก็ได้ แล้ววิสาหกิจของรัฐบาลต้องลองไปปรับดูว่าใช้ได้หรือไม่ ตนขอความร่วมมือไปคิดว่าคงได้รับความร่วมมือพอสมควร นอกจากนี้ ได้แนะนำเกี่ยวกับการจัดนิทรรศการ ไม่ใช่ให้คนมาดูแล้วรับของกลับไป อยากให้เป็นแหล่งที่เรียนรู้จริงๆ