อดีต ส.ส.ปชป. เผยขอฟื้นฟูพรรคเพื่อแผ่นดิน ให้เป็นสถาบันการเมือง พร้อมส่งเลือกตั้งท้องถิ่น-ระดับชาติ ติงรัฐใช้ 4 แสน ล.ฟื้น ศก. แนะทำ 4 ข้อ รองรับอนาคต ชี้ปรับ ครม.ตามโควตา ก๊วนอยู่ไม่นาน อัดอย่าลำพอง กระแสคดี “บอส” ยิ่งบั่นทอนความนิยม
วันนี้ (28 ก.ค.) นายประมวล เอมเปีย หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน (พผ.) คนใหม่ เปิดเผยถึงเป้าหมายการดำเนินงานของพรรคว่า ตนเพิ่งเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อฟื้นฟูพรรค โดยได้ตั้งนโยบายเป้าหมายไว้ 14 ข้อ แต่เนื่องจากติดสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย เราตั้งใจที่จะฟื้นฟูค่อยเดินทีละก้าว เพราะที่ผ่านมา พรรคเคยเป็นพรรคขนาดกลางมาแล้ว เคยมี ส.ส. 34 คน ดังนั้น ในการเลือกตั้งท้องถิ่นที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ตนได้เดินสายพบปะหาสมัครพรรคพวกเพื่อคัดเลือกบุคคลเป็นรายจังหวัดไป ตามความเหมาะสมที่จะส่งลงสมัครในส่วนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ระดับต่างๆ ซึ่งต้องดูทั้งสถานการณ์ กระแส และตัวบุคคลในแต่ละพื้นที่จังหวัดนั้นๆ ด้วย ส่วน การเลือกตั้งระดับชาติก็ตั้งใจจะส่งให้ครบทั้ง 350 เขตทั่วประเทศ ค่อยๆ ทำการคัดตัวคนที่มีอุดมการณ์เข้ามาร่วมงานกับพรรคเรา โดยตั้งใจจะพัฒนาให้พรรคเป็นสถาบันทางการเมืองในอนาคตข้างหน้า
นายประมวล กล่าวต่อว่า จากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่รัฐบาลออก พ.ร.ก.เงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท มาเยียวยาประชาชน 3 เดือน แต่ยังไม่ทั่วถึง และยังมีนักศึกษาจบปริญญาตรีใหม่อีก 4 แสนคน ที่ยังว่างงาน ไม่รวมกับผู้ว่างงานเดิมอีกกว่าเท่าตัว การกระจายเงิน 4 แสนล้านบาท ให้ทุกจังหวัดกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ตนเห็นว่า คงไม่เข้าเป้า อยากให้รัฐบาลนำส่วนหนึ่งของงบ 4 แสนล้านบาท มาเป็น 1. งบฝึกอบรมภาษาให้นักศึกษาจบใหม่ เช่น ภาษาจีน เพราะคนไทยยังสื่อสารภาษาจีนซึ่งเป็นตลาดใหม่ 2. การพัฒนาเกี่ยวกับด้านสารสนเทศ หรือไอที ยังน้อย 3. การฝึกบุคลากรทางการแพทย์เพื่อรองรับตลาดต่างชาติในอนาคต เพราะประเทศไทยจัดเป็นหนึ่งในช็อปชั้นนำที่มีมาตรฐานในการให้บริการทางการแพทย์โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 4. การจัดสรรที่ดินทำกินในพื้นที่รกร้างว่างเปล่า ที่ดิน ส.ป.ก.ให้กับคนว่างงานตกงานที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเดิมเพื่อประกอบอาชีพเกษตรกรรมเรียนชีพตัวเองได้ไม่เป็นภาระต่อรัฐ
หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน คนใหม่ ยังกล่าวถึงการปรับ ครม.รัฐบาลประยุทธ์ 2/2 ด้วยว่า เท่าที่เห็นชื่อบุคคลที่ถูกทาบทามเป็นรัฐมนตรี เห็นได้ชัดว่าเป็นการใช้คนไม่ถูกกับงาน แต่เป็นความนิยมส่วนตัวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯที่คะแนนนิยมทั้งตัวนายกฯและรัฐบาลตกต่ำลงมาก ถ้ายังปรับ ครม.ตามโควตาของแต่ละกลุ่ม ก๊ก ก๊วน ก็คงอยู่ได้ไม่นาน และอย่าคิดว่ามีกำลัง ส.ส.และมีกองทัพในมือ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลจอมพลถนอม จอมพลประภาส ก็เคยอยู่ไม่ได้มาแล้ว
“ยิ่งเจอมรสุมกรณีคดีบอส ลูกกระทิงแดง ที่กระแสสังคมเรียกร้องความเป็นธรรม พรรคเพื่อแผ่นดินจึงใช้สโลแกนพรรคว่า คุณธรรมสร้างคน ประชาชนสร้างชาติ ทุกคนต้องมีความเสมอภาคเท่าเทียมกันทางกฎหมาย ซึ่งกรณีนี้สะท้อนถึงกระบวนการยุติธรรมของไทย มันบิดเบี้ยวเพราะคนไม่กี่คน แน่นอนว่า รัฐบาลได้รับผลกระทบ และยิ่งตอกย้ำให้เห็นภาพว่า ใครอยู่ฝ่ายรัฐบาลคดีความก็ล่าช้า หรือหลุดคดี แต่คนที่อยู่ตรงข้ามกลับถูกดำเนินคดี มันก็ยิ่งสร้างความแตกแยกในสังคมและเกิดคำถามถึงความเหลื่อมล้ำมากยิ่งขึ้น มันสวนทางกับที่รัฐบาลพูด คือให้รักษากฎหมาย”