xs
xsm
sm
md
lg

ยอมนักกินเมือง! “ลุงไพศาล” เตือน ..จะหิวเป็นผีเปรตร่ำไป “แก้วสรร” ชี้ชัด นายกฯคนนอกเหนือการเมืองจบแล้ว

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“ลุงไพศาล” ยก "ตาอินกับตานา" เตือนทะเลาะกันไม่เลิก จะถูกฆ่าทั้งคู่ “ตาอยู่” ก็ไม่รอด คนเราถ้าไม่รู้จักพอก็ไม่รู้จักมี จะหิวเป็นผีเปรตอยู่ร่ำไป “แก้วสรร” ชี้ชัด นายกฯคนนอก อยู่เหนือการเมือง ตาม รธน.ของ “ลุงตู่” จบสิ้นแล้ว

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้(17 ก.ค.63) เฟซบุ๊ก Paisal Puchmongkol ของ นายไพศาล พืชมงคล อดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความแฝงนัยสำคัญอย่างมาก

ท่ามกลางกระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่ดูเหมือน “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม จะยอมจำนนต่อเกมการเมือง เกมแย่งชิงเก้าอี้ รมต. เกมแย่งเค้กกระทรวงที่มีผลประโยชน์สูง ฯลฯ แม้กระทั่ง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่นายกฯดึงมาทำงานตั้งแต่แรก และ รมต. “4 กุมาร” ที่ “สมคิด” ดึงมาช่วย ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อเกมในพรรคพลังประชารัฐ ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว

โดยระบุว่า “นิทานอีสปเรื่องตาอินกับตานานั้น เป็นนิทานสอนทั้งตาอิน-ตานาและตาอยู่ด้วย

1.สอนตาอินกับตานาว่า ถ้าพวกเอ็งขืนทะเลาะกันไม่เลิก ก็จะถูกแย่งเอาพุงปลาไปกิน และกินยาวไปจนจบโคขวิด และดีไม่ดีก็จะถูกฆ่าทั้งคู่

2. สอนตาอยู่ด้วยว่า ได้ฉกเอาพุงปลาเขามากิน โดยไม่ได้ลงแรงหาปลากับเขาด้วย หากยังไม่รู้จักพอ คิดจะฮุบเอาปลาทั้งตัว และจะฆ่าทั้งตาอินตานา ด้วยนั้น ก็จะถูกสองตารุมกันกินโต๊ะ และฆ่าเอาก็ได้

คนเรา ถ้าไม่รู้จักพอก็ไม่รู้จักมี จะหิวเป็นผีเปรตอยู่ร่ำไป และ ถ้ารู้จักพอก็จะรู้จักมี จะเป็นผู้อิ่มอุดมแล้วในความพอเพียงนั้น”

ภาพ แก้วสรร อติโพธิ จากแฟ้ม
ที่น่าสนใจไม่แพ้กัน วันนี้ แก้วสรร อติโพธิ ได้เผยแพร่บทความเรื่อง "ประยุทธ์ 2 กับวิกฤตเศรษฐกิจ" โดยมีเนื้อหาดังนี้

ถาม สิงหาคมนี้ ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐหมดเงินแล้ว ทั้งเงินออมและเงินได้ เศรษฐกิจครัวเรือนก็ใช้เงิน 5,000 บาทหมดแล้วเหมือนกัน อย่างนี้อะไรจะเกิดขึ้น
ตอบ เมื่อโลกหมดกำลังซื้อเพราะโควิด-19 เศรษฐกิจไทยที่ถูกโลกาภิวัตน์มาหลายปีจนหมดตัวตน ก็มีชีวิตต่อไปไม่ได้
คนตกงานจะเต็มเมือง หนี้เอ็นพีแอลจะเต็มธนาคาร ข้าวจะยากหมากจะแพง อนาคตก็มืดมองไม่เห็น

ถาม โอกาสฟื้นคงเป็นตัว U ไม่ใช่ตัว V
ตอบ ถ้าเป็นเพราะโลกเปลี่ยนอย่างนี้ น่าจะเป็นตัว L เสียมากกว่านะครับ จุดเปลี่ยนผ่านสร้างชีวิตเศรษฐกิจใหม่ขึ้นมาตรงนี้ยากมาก อย่างจีนนั้น เศรษฐกิจเขาใหญ่พอที่จะดิ้นไปได้ด้วยกำลังผลิตกำลังบริโภคในประเทศ แต่ของไทยเรา แค่ “ไทยเที่ยวไทย” คงช่วยธุรกิจท่องเที่ยวไทยไม่ได้เท่าใดหรอกครับ

ถาม 1 ปีที่ผ่านมา นายกฯประยุทธ์ เป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจอยู่ด้วย เขาคงปรับ ครม.เพื่อเตรียมรับวิกฤตครึ่งปีหลังนี้เป็นแน่
ตอบ เขาโทรบอก รองนายกฯสมคิด ว่าจำเป็นต้องทำเพราะ “การเมือง” นั่นคงหมายถึงการเมืองในพรรคพลังประชารัฐ ไม่ใช่เพื่อกิจการงานบ้านเมืองอะไรที่ไหน

ถาม ถ้าเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ ก็คงจะใช้กฎหมายความมั่นคงตั้ง ศบค.ภาคเศรษฐกิจ เหมือนรับมือโควิดอีก เห็นทุกวันนี้ลากใครต่อใครมาเป็นกรรมการที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิมากมายไปหมด คุยว่าเป็นแนวทาง New Normal เลยทีเดียว
ตอบ ถ้าคิดอย่างนั้นจริงก็ผิดเต็มประตู งานรับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้รัฐบาลต้องรับผิดชอบลุยงานเต็มหน้าเสื่อ การนำของนายกฯต้องแน่น 100 % เลย จะให้กรรมการที่ไหนมาแบกรับแทน แล้วนายกฯวนเวียนดูอยู่ห่างๆเท่านั้น ไม่ได้

ถาม ถ้าได้คิดอย่างนี้จริง การปรับ ครม.ครั้งนี้ ก็ต้องสร้างนโยบายแนวทางรับมือวิกฤตก่อน แล้วหาคนที่เหมาะสมกับแนวทางจริงๆ มาเป็นรัฐมนตรีใน “ประยุทธ์ 2”
ตอบ คุณฝันไปหรือเปล่า...รัฐบาลนี้ตั้งตามโควต้าพรรคมาแต่แรก ตำแหน่งของรองฯสมคิด และสี่กุมารนั้น กรรมการบริหารพลังประชารัฐชุดใหม่ เขาบอกแล้วว่า แท้จริงเป็นโควตาพรรค ไม่ใช่โควตากลางของนายกฯ

ถาม พรรคนี้ตั้งเพื่อรองรับนายกฯ ประยุทธ์ ได้รับเลือกก็เพราะประชาชนเลือกนายกฯประยุทธ์ แล้วจะไม่ให้ นายกฯประยุทธ์ มีสิทธิ์เลือกรัฐมนตรีได้อย่างไร ?

ตอบ คำถามนี้ล้าสมัยมาก วันนี้นายกฯประยุทธ์ยอมรับแรงบีบในพรรคจน สี่กุมารและหัวหน้าลาออกเปิดทางให้ไปแล้ว แล้วจะมาขืนมือคนในพรรคเลือกคนใดเป็นรัฐมนตรีใดได้โดยลำพังตนอีกหรือ

ชัดเจนว่า...“ความเป็น นายกฯคนนอก อยู่เหนือการเมือง “ของคุณประยุทธ์ ที่รัฐธรรมนูญมีชัยรับรองไว้ ได้สิ้นสุดลงแล้ว”

ถาม แล้วคุณท่านกลายเป็นอะไรครับ
ตอบ เป็นพระเอกลิเกที่คณะ “พ่อประชารัฐ” เชิญมา รำร้องหน้าม่านเท่านั้นเอง ปลายปีนี้เจอวิกฤตจริงบวกด้วยกระแสไม่ไว้วางใจทั้งในถนน และในสภาเมื่อใดก็ต้องลาโรง รำไม่ออกแน่ๆ

สี่กุมารและหัวหน้าคณะ โชคดีมากๆที่หลุดออกมา ได้เสียก่อน ต้องขอแสดงความยินดีด้วยจริงๆที่พระท่านยังคุ้มครองอยู่”(จากไทยโพสต์)

แน่นอน, แรงกดดันทางการเมืองที่ถูกเผยออกมา ถึงขนาด “ลุงตู่” ต้องเลือกที่จะเกรงใจฝ่ายการเมือง มากกว่า ฝ่ายตัวเอง และยอมเสียคนกับ นายสมคิด ที่เอาเขามาฮช่วยทำงาน ก่อร่างสร้างรัฐบาลจนมั่นคง ย่อมไม่ธรรมดา

ยิ่งโพสต์ อ.แก้วสรร ที่ระบุว่า ความเป็น “นายกฯคนนอก”ตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ “ฉบับมีชัย” ให้อยู่เหนือการเมือง ดูเหมือนจบลงแล้วนั้น ก็ยิ่งน่าสยดสยอง ว่านับแต่นี้ไป ฝ่ายที่เคยหนุนหลังให้ปฏิรูปประเทศและคืนประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ จะหวังอะไรได้

ที่สำคัญ งบประมาณ และความคาดหวังที่ประชาชนหวังว่า จะถูกใช้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ถูกกินเข้ากระเป๋าใครระหว่างทาง ก็ทำท่าว่าจะไม่ควาเป็นดังหวัง เพราะ “การเมือง” อยู่เหนือ นายกฯ และความเกรงใจทางการเมือง จะทำให้รัฐนาวาลำนี้ เต็มไปด้วย “นักกินเมือง” หรือไม่ ก็อย่าลืมคำเตือนจาก “ลุงไพศาล” ด้วยก็แล้วกัน


กำลังโหลดความคิดเห็น