“อนันต์ ฉิมบุรีรมย์” โวย “นิคม บุญวิเศษ” ขับออกจากพรรคฟ้าฝ่า ซัดเล่นไม่ซื่อเหตุลงแข่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ชี้ฝ่ายตรงข้ามเล่นสกปรกพยายามทุกวิถีทาง เตรียมปรึกษาทนายฟ้องร้องทวงความยุติธรรม
จากกรณีที่นายนิคม บุญวิเศษ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ประกาศนัดประชุมใหญ่สามัญของพรรคพลังปวงชนไทย ที่ห้องประชุมชั้น 5 เทศบาลนครนนทบุรี จ.นนทบุรี เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ในวันที่ 18 ก.ค. 63 นี้นั้น
วันนี้ (15 ก.ค.) นายอนันต์ ฉิมบุรีรมย์ รักษาการรองหัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย เปิดเผยว่า หลังจากที่ตนและทีมงานประกาศลงสมัครแข่งขันในตำแหน่งหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ในการประชุมใหญ่สามัญของพรรคพลังปวงชนไทย วันที่ 18 ก.ค.นี้ ทางพรรคผู้บริหารชุดเก่ารู้ตั้งแต่แรกว่าตนจะลงสมัคร และได้มีการปิดประกาศรับสมัครอย่างชัดเจน ซึ่งตนและทีมได้เข้าสมัครตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง แต่กลางดึกของคืนวันที่ 14 ก.ค. ทางพรรคกลับมีมติขับตนออกจากพรรคด้วยข้อหาผิดวินัยและจริยธรรมร้ายแรง
“ก่อนหน้านี้พรรคได้ตั้งกรรมการสอบวินัยและจริยธรรมผม และที่ผ่านมาผมได้เข้ารับทราบข้อกล่าวหา และได้มีการหารือกับทางประธานคณะกรรมการสอบสวน และฝ่ายกฎหมายของพรรค รวมถึงทนายของผมเองเนื่องจากเป็นข้อหาร้ายแรง จึงได้ขอเวลา 30 วัน แต่ทางกรรมการฯ เห็นว่านานไปจึงขอลดเป็น 15 วัน ทั้งสองฝ่ายจึงนัดตัดสินกันในวันที่ 24 ก.ค. แต่จู่ๆ กลับมีมติแบบฟ้าผ่าออกมา” นายอนันต์ระบุ
นายอนันต์กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนพยายามขอดูมติจากทางพรรคในการเรียกสอบวินัยและจริยธรรมของตน รวมถึงวาระการประชุม แต่ทางพรรคปฏิเสธและไม่ให้ดู รวมทั้งการให้คนที่ไม่มีอำนาจในการสอบสวนและออกหนังสือเรียกตนไปสอบ นี่คือสิ่งที่น่าสงสัย นอกจากนี้ จากที่เราลงนามข้อตกลงว่าจะมีการตัดสินตนในวันที่ 24 ก.ค. แต่กลับมีมติด่วน ตนมองว่าอาจจะเกิดจากกระแสที่มาแรงของตนภายในพรรค มีสมาชิกและสาขาพรรคให้การสนับสนุนตนเป็นจำนวนมาก อาจจะเกรงว่าตนจะได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่หรือไม่ จึงทำให้เกิดการขับตนออกจากพรรคขึ้นมา เพราะในขณะนี้ชื่อของตนและทีมงานถูกตัดออกจากการสมัครกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่แล้ว ซึ่งตนจะปรึกษาทนายและเตรียมฟ้องร้องต่อไป
“พอมีกรรมการคนไหนจะขอเข้าไปตรวจสอบก็จะโดนกล่าวหาว่าเป็นกบฏ เป็นปฏิปักษ์ จะล้มพรรค ไม่เชื่อมั่นพรรค คำว่ากบฏจะมาใช้กับเราคงไม่ได้ เพราะเราเพียงต้องการตรวจสอบ ต้องการความโปร่งใส หัวหน้าพรรค (นายนิคม บุญวิเศษ) พยายามยื่นเรื่องให้คณะกรรมการพรรคตรวจสอบจริยธรรมผม แต่ผมยืนยันว่าผมไม่มีความผิดอะไร และที่ผ่านมาสาขาที่อยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ได้รับการดูแล มีคนอยากเข้ามาบริจาคเงินให้พรรค แต่เมื่อเขาเห็นแบบนี้เขาก็หนีหมด จริงๆ ผมอยากจะลาออกจากพรรคแล้ว แต่สาขาพรรคต่างๆ สนับสนุนให้ผมลงแข่งชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ผมจึงตัดสินใจลงแข่งกับคุณนิคม ซึ่งจริงๆ ผมกับคุณนิคมเป็นคู่หูคนสนิทที่เริ่มทำพรรคตั้งแต่แรกมาด้วยกัน แต่หลังๆ เขาเริ่มมองผมเป็นศัตรู ผมไม่ได้ใส่ร้ายหรือดิสเครดิตอะไร ผมสู้เต็มที่แบบแฟร์ๆ มาโดยตลอด แต่ทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ เขาพยายามทุกวิถีทางเพื่อทำลายฝ่ายตรงข้าม” นายอนันต์กล่าว
ด้านนายสุวิทย์ งอกศรี รักษาการรองหัวหน้าพรรค ผู้สมัครตำแหน่งเหรัญญิกพรรค กล่าวเสริมว่า หลายครั้งที่หัวหน้าพรรคบอกว่าเรียกร้องและอยู่ข้างประชาธิปไตย แต่แบบนี้จะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยซ่อนรูปหรือไม่ ท่านกำหนดกติกาว่าจะต้องทำแบบนั้นแบบนี้ พวกเราก็เดินตามกติกาทุกอย่าง การทำงานทางการเมืองแค่ความตั้งใจไม่พอ แต่ต้องมีความโปร่งใสด้วย ทุกวันนี้เราเรียกร้องให้มีการตรวจสอบเปิดเผยการบริหารงานภายในพรรค แต่ท่านกลับพยายามหลบหลีก นี่คือจุดประกายและสาเหตุที่ทำให้พวกเราลงชิงตำแหน่งในครั้งนี้ และเป็นสิ่งที่สมาชิกหลายคนสนับสนุนให้นายอนัตน์ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อสร้างมิติใหม่ของการทำงานในพรรค ถ้าเราตรวจสอบไม่ได้จะเรียกว่าประชาธิปไตยได้อย่างไร
ขณะที่นายอธิปัตย์ เม่งควน รักษาการกรรมการบริหารพรรค ผู้สมัครตำแหน่งเลขาธิการพรรค กล่าวว่า การที่จะเป็นองค์กรพรรคการเมืองเราจะต้องร่วมมือร่วมใจกัน ไม่ใช่เป็นพรรคของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือเป็นของคนใดคนหนึ่งเป็นเจ้าของ ทุกคนต้องร่วมทำงานด้วยกันอย่างมีประสิทธิภาพ