“บิ๊กตู่” พ้ออยู่ดีๆ เครื่องบินอียิปต์ก็มาชน ลั่นไม่มีใครได้สิทธิพิเศษ เตือนพวกเต้นในผับบาร์หัวจะชนกันระวังไว้ด้วย ย้ำ ความรับผิดชอบสำคัญที่สุด ไม่อยากปรับแสนเหรียญ-เฆี่ยนตีเหมือนอินเดีย รับช่วงนี้เครียดทุกวัน
วันนี้ (15 ก.ค.) เมื่อเวลา 09.00 น. ที่อาคารอิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือโครงการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG โมเดล) สร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน พร้อมกล่าวช่วงหนึ่งว่า คิดว่าจะพูดนิดเดียวเพราะเหนื่อยทุกวันเลย และเมื่อวานก็หงุดหงิดไปหน่อย อยู่ดีๆ เครื่องบินชนกัน เครื่องบินทหารอียิปต์ชนมา ยืนยันขณะนี้กำลังแก้ไข ไม่ต้องกังวล เชื่อว่า แก้ได้ ขอให้เชื่อมั่นระบบสาธารณสุขของเรา เรื่องนี้เป็นเรื่องของบุคคลเท่านั้น ซึ่งระเบียบก็มีอยู่ ไม่มีใครได้สิทธิพิเศษ คำว่าสิทธิพิเศษคืออนุญาตให้เข้า แต่ต้องมีกติกา ไม่ใช่สิทธิพิเศษว่าไม่ต้องตรวจ แต่ตรวจแล้วหนีไปเที่ยวอีกเรื่องหนึ่ง โดยต่อไปนี้ต้องเข้มงวดทั้งไทยและต่างประเทศ ขณะเดียวกัน พวกเต้นในผับในบาร์ระวังไว้ด้วย วันนี้ไม่เห็นใครกลัวกัน หัวจะชนกันอยู่แล้ว นักข่าวกลับได้ยังพูดตรงนี้แล้วเอาไปพาดหัวได้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ ย้ำว่า ศักยภาพด้านสาธารณสุขของเราขึ้นชื่อระดับโลก ตนได้พูดคุยกับผู้นำโลก และมหาอำนาจทุกประเทศ ชื่นชมไทยในการแก้ปัญหาโควิด ซึ่งหลายคนเมื่อมาประเทศไทยต้องใส่หน้ากาก เพราะเราบังคับให้ใส่ และอย่างในประเทศอินเดีย หากไม่ใส่หน้ากากมีการปรับเงินแสนเหรียญ จะให้ตนทำแบบนั้นหรือไม่ รวมทั้งยังมีการเฆี่ยนตี ดังนั้น วันนี้ความรับผิดชอบสำคัญที่สุด ไม่ใช่ใช้แต่กฎหมาย ตนไม่อยากให้คนดื้อกับกฎหมายเพราะจะเหมือนดื้อยา แม้กฎหมายแรงไปก็ไม่กลัว ซึ่งคนประเภทนี้มีอยู่แล้ว นอกจากนี้ วันนี้เมื่อโควิดมาหงายท้องหมด เราต้องฟื้นฟู ซึ่งทุกอย่างมีแผนที่กำลังพิจารณาทั้งหมด แต่หลายอย่างปัญหาอยู่ที่คนและจิตสำนึก ซึ่งระเบียบเป็นตัวกำหนดไว้แล้วชัดเจน แต่การปฏิบัติควบคุมสติได้แค่ไหน
ทั้งนี้ ในช่วงท้าย นายกฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้เครียด ยอมรับว่าเครียดเกือบทุกวัน บางวันมีงานให้คิดเยอะ คิดเรื่องเก่ายังไม่เสร็จก็มีเรื่องให้ทำตลอด บ่นไม่ได้ ไม่ได้บ่น แค่อยากให้ทุกคนช่วยกัน สัญญากับตนให้ช่วยนำพาประเทศไทยไปข้างหน้า เพราะนายกฯคนเดียวทำไม่ได้ รัฐมนตรีก็ทำไม่ได้ ถ้าทุกคนมีความเห็นสวนทางตลอด ก็ไม่มีอะไรสำเร็จสักเรื่อง และที่สำคัญ กฎหมายใหม่ที่จะออกมาก็ยังไม่ผ่านสภา ซึ่งล้วนเป็นกฎหมายสำคัญทั้งสิ้น จึงต้องขอร้องสภาพิจารณากฎหมายให้ตนหน่อย ไม่เช่นนั้น ประชาชนเองก็ไม่เข้าใจคิดว่าว่ารัฐบาลไม่ทำอะไร ซึ่งตนมีหน้าที่บริหาร สภามีอำนาจนิติบัญญัติ และศาลมีอำนาจตุลาการ แยกอำนาจกันทั้งหมด จะก้าวก่ายกันไม่ได้