"พลภูมิ" จี้ "รมว.ทรัพย์ฯ" สั่งกรมควบคุมมลพิษ เร่งแก้น้ำเน่า จับ-ปรับให้เด็ดขาด หลังชาวบ้านร้องเรียนมีการลักลอบทิ้งน้ำเสียลงคลองแสนแสบ ส่งกลิ่นเหม็น ระคายเคืองผิวหนัง กระทบการใช้ชีวิต
วันนี้ (29 มิ.ย.63) นายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม.เขต 14 (บึงกุ่ม-คันนายาว) พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ในขณะลงพื้นที่เยี่ยมเยียน รับฟังทุกข์สุขของชาวบ้าน เขตคันนายาว ชาวบ้านได้ร้องเรียนถึงปัญหาน้ำในคลองแสนแสบเน่าเสีย บริเวณท่าเรือชุมชนร่มไทร ซอยเสรีไทย38 เมื่อตักน้ำในคลองแสนแสบขึ้นมาดูปรากฎว่าน้ำมีกลิ่นเหม็น สีดำขุ่นอย่างชัดเจน และหากสัมผัสกับน้ำก็จะมีอาการระคายเคือง จึงขอเรียกร้องไปยัง นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สั่งการและเร่งรัดไปยังกรมควบคุมมลพิษ เร่งดำเนินการตรวจสอบและบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ริมคลองแสนแสบและคลองสาขา เพื่อไม่ให้สถานประกอบการ ร้านค้า ตลาด โรงแรม โรงงาน อาคารที่พักอาศัย ปล่อยน้ำเสีย ไขมันและสิ่งปฏิกูล ลงในคลองแสนแสบ
"ปัญหานี้นอกจากกระทบกับสภาพแวดล้อมโดยตรงแล้ว ยังกระทบกับสุขภาพของพี่น้องประชาชนด้วย ผมจึงต้องเรียกร้องไปยังนายวราวุธ รมว.กระทรวงทรัพย์ฯ ให้เอาจริงเอาจังกับการแก้ปัญหาน้ำเน่าเสียในคลองแสนแสบ บังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาด ตรวจสอบให้เข้มงวด อย่าปล่อยให้วัวหายแล้วค่อยล้อมคอก อย่ายอมให้สถานประกอบการต่างๆลักลอบปล่อยน้ำเสียลงคลองแสนแสบอีก" นายพลภูมิกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าจากข้อมูล ตามที่เจ้าพนักงานควบคุมมลพิษกรมควบคุมมลพิษลงพื้นที่ตรวจสอบการระบายน้ำทิ้งจากสถานประกอบการในพื้นที่คลองแสนแสบ ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2559-2562 พบว่ามีสถานประกอบการถึง 593 แห่ง ในพื้นที่ริมคลองแสนแสบและคลองสาขา ระบายน้ำทิ้งเกินค่ามาตรฐานที่กฎหมายกำหนด ส่วนใหญ่เป็นอาคารชุด โรงแรม และอาคารสำนักงาน โดยได้ออกคำสั่งปรับเป็นรายวัน ซึ่งตามกฎหมายมีโทษปรับสูงสุด 2,000 บาท/วัน จนกว่าจะปรับปรุงแก้ไขระบบบำบัดน้ำเสียให้สามารถบำบัดน้ำทิ้งเป็นไปตามค่ามาตรฐาน.