“ประยุทธ์” เซ็งถูกปล่อยข่าวไฟเขียวหยุด 8 วันรวด บอกมีรัฐบาลไหนเขาทำกัน ขอบคุณประชาชนวางใจทำงานมา 1 ปีในระบอบประชาธิปไตย รับจำเป็นต้องมี รมต.คนนอกที่เหมาะสมด้วย ขอพื้นที่สื่อเสนอผลงานรัฐบาล อย่าเล่นข่าวขัดแย้ง เล็งจัดคิวพบชาวบ้าน
วันนี้ (23 มิ.ย.) เมื่อเวลา 12.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า มีเรื่องที่นายกฯ อยากจะเรียนให้ประชาชนและสังคมทราบเพื่อไม่ให้เกิดความสับสนในเรื่องวันหยุดราชการพิเศษชดเชยวันสงกรานต์ โดยมีคนเผยแพร่ว่าจะหยุด 8 วัน คงไม่มีรัฐบาลไหนทำแบบนั้น ตนคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ฉะนั้น วันหยุดสงกรานต์ที่เรามีอยู่ 3 วัน ตนได้สั่งการให้ไปพิจารณาว่าจะสอดใส่ตรงไหน อาจจะเป็น 3 วาระอะไรทำนองนี้ อย่างน้อยถ้าหยุดเสาร์-อาทิตย์ วันจันทร์ไม่หยุด แล้วไปหยุดวันอังคาร ตรงนี้อาจจะเติมวันจันทร์ให้เป็นวันหยุด จะได้เป็น 4 วัน จากนั้นก็จะเหลือวันหยุดสงกรานต์อีก 2 วัน ก็จะหาวาระเติมวันหยุดชดเชยลักษณะนี้ให้เกิดความเหมาะสม เพราะการหยุดราชการนานๆ ไม่ใช่สิ่งที่ดี ประชาชนอาจชอบ แต่บางคนไม่ชอบ หลายคนไม่อยากให้หยุด เพราะการติดต่อราชการจะมีปัญหาอีก ข้าราชการต้องทำหน้าที่ ให้ประชาชนดีที่สุดในการอำนวยความสะดวก เรื่องวันหยุดสงกรานต์จะได้เลิกดราม่ากันสักที
“ขอให้ระมัดระวัง และขอร้องสื่อเรื่องการบิดเบือน การให้ข่าวที่ไม่ใช่สาระสำคัญ อย่างเช่น การปล่อยข่าวว่ารัฐบาลอนุมัติแล้วให้มีการหยุดราชการ 8 วันติดต่อกัน อย่างนี้มันควรจะเสนอข่าวไหม มันเป็นไปได้หรือไม่ ผมพูดหรือยัง รัฐบาลกำหนดออกมาหรือยัง ถ้ายังคนไปเผยแพร่ทำไม่ถูก ท้ายที่สุดหากไม่ได้วันหยุด 8 วัน ก็เล่นงานนายกฯ เล่นงาน ครม.ใช่หรือไม่ ฉะนั้น วันนี้เรากำลังพยายามหารายได้ให้ประชาชนได้มากที่สุด เพราะอยู่ในวาระพิเศษ โควิด-19 แพร่ระบาด จริงๆ อยากจะขอร้องสื่อมวลชน สำนักพิมพ์ บรรณาธิการต่างๆ ให้ช่วยกันเสนอข่าวที่เป็นความก้าวหน้า ข่าวดีๆ ยึดพื้นที่ข่าวตรงนี้ให้หน่อย ไม่ใช่เอาแต่ข่าวขัดแย้ง หรือข่าวที่มีผลกระทบต่อเสถียรภาพซึ่งต่างประเทศเขาดูอยู่ ดังนั้น เรื่องจริงคืออะไร ถามมาก็แล้วกัน อย่าเอาข่าวที่เป็นคำบอกคำอ้าง แหล่งข่าวรัฐบาล อะไรทำนองนี้มา ตราบใดถ้ายังไม่มีการอนุมัติ หรือผมยังไม่ได้นำเข้า ครม. มันก็ยังไม่ใช่ทั้งหมด บางทีก็มีการพูดไปก่อนว่าจะได้นู่นได้นี่ แล้วมันก็ไม่ได้ เพราะยังเข้า ครม.ไม่ได้ ซึ่งต้องดูในหลายมาตรการ รวมถึงความคิดเห็นของแต่ละกระทรวง ไม่ใช่กระทรวงไหนเสนอขึ้นมาแล้วเห็นชอบ มันไม่ใช่ มันต้องสอบถามข้อสังเกตจากหลายกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ถ้าเขาตอบมาไม่ขัดข้อง มีเงินพอ ก็อนุมัติได้ แล้วก็ต้องติดตามการได้ประโยชน์ของประชาชน โดยตรง ไม่มีการทุจริต กลไกมีอยู่แล้ว”
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า รัฐบาลยืนยันจะทำให้ดีที่สุด ให้สมกับที่ประชาชนไว้วางใจมาปีนี้ทั้งปี เป็นรัฐบาลที่มาจากประชาธิปไตย รัฐมนตรีที่มาจาก ส.ส. และรัฐมนตรีที่เหมาะสม ที่นายกฯจำเป็นต้องมีในส่วนตรงนี้ด้วย อันนี้เป็นการพูดคุยกันในเรื่องของการเมือง แต่ตนไม่อยากให้เอาการเมืองมาพันทั้งหมด หากบ้านเมืองเสียหายใครรับผิดชอบ ใครจะแก้ไหว ถ้าต่างประเทศเชื่อไปด้วยยิ่งไปกันใหญ่ ตอนนี้เรื่องธุรกิจ การค้าการลงทุนก็มีปัญหาอยู่ เรื่องอะไรที่พูดจาไก่เกลี่ยกันได้ เป็นเรื่องของกฎหมายกระบวนการตรวจสอบ ก็ว่ากันไปจนกว่าจะได้ข้อยุติ วันนี้ส่วนใหญ่ชอบนำมาเป็นประเด็นในการสร้างการรับรู้ในเวทีของสื่อเยอะแยะ โดยการพูดของพิธีกร มันก็เลยขัดแย้งไม่จบ เจ้าหน้าที่ก็ทำงานลำบาก เพราะต้องทำงานด้วยตัวบทกฎหมาย ขอฝากเรื่องพวกนี้ไว้ด้วย ในความรับผิดชอบร่วมกัน รวมไทยสร้างชาติ หมายถึงรวมสื่อสร้างชาติด้วย ขอร้องแล้วกัน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงคำถามที่สื่อได้ส่งมาว่า เป็นคำถามแบบเดิม จะมีเรื่อง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ เรื่องการปรับ ครม. และเรื่องการลงพื้นที่ของนายกฯ เรื่องนี้คิดไว้อยู่แล้ว กำลังหาทางว่าจะดำเนินการไปเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนอย่างไร เพราะตอนนี้สถานการณ์โควิด-19 เริ่มดีขึ้นแล้ว
นายกฯ กล่าวว่า ในวันข้างหน้าตนได้ย้ำให้ทุกกระทรวง เอาเรื่องสำคัญที่เป็นผลสัมฤทธิ์เป็นข้อมูลมาให้สื่อนำไปเผยแพร่ข่าวช่วยรัฐบาลด้วย เพราะการประชุมแต่ละครั้ง มีทั้งการอนุมัติและการปรับกฎระเบียบต่างๆ บางทีนำเสนอยากในการที่จะทำให้สังคมสนใจ ดังนั้น ทุกกระทรวงต้องวางแนวทางทุกเดือน ทุก 3 เดือน โครงการต่างๆ มีผลสัมฤทธิ์ก้าวหน้า อย่างไร และมีคนได้ประโยชน์เท่าไหร่ ต้องทยอยให้ประชาชนรับทราบ ไม่เช่นนั้นก็ไม่รู้ รัฐบาลก็จะถูกมองว่าไม่ได้ทำอะไรเลย เพราะมัวแต่ขัดแย้งกันอยู่หรือเปล่า แต่ตนก็โทษสื่อไม่ได้ เพราะสื่อเป็นคนของประชาชนใช่หรือไม่ ตนพูดปิดหน้ากากยังให้ถอดหน้ากากพูด ตนก็พูดไปชัดเจนแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าได้มีการพูดคุยกับนายสมคิด จาตุสีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะตั้งพรรคการเมืองใหม่แล้วหรือยัง โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า “ไม่คุย ไม่คุย”