ศบค.แถลงพบคนไทยกลับจากต่างประเทศติดโควิด-19 เพิ่ม 5 ราย ผวาแรงงานโรงงานเยอรมันติดเชื้ออื้อ เตือนผู้ประกอบการรักษาสุขอนามัย แจงยังไม่มีวัคซีนรักษาตามอาการ ปมให้ยาพารารักษาคนไทยในอียิปต์ เตรียมเรียกตัวแทนผับ-บาร์-คาราโอเกะ คุยแนวทางปลดล็อก
วันนี้ (19 มิ.ย.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มขึ้น 5 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ ทำให้มียอดผู้ป่วยสะสม 3,146 ราย หายป่วยสะสม 3,008 ราย ซึ่งไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม ทำให้ยอดสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ทั้ง 5 ราย เป็นนักศึกษาชายไทย อายุระหว่าง 23-26 ปี เดินทางมาจากประเทศซาอุดีอาระเบีย ถึงประเทศไทยในวันที่ 12 มิ.ย. เข้าพักที่สถานกักตัวของรัฐใน กทม. ตรวจพบเชื้อในวันที่ 16 มิ.ย.โดยทุกรายไม่มีอาการ ซึ่งในเที่ยวบินดังกล่าวมีทั้งหมด 195 คน มีการตรวจ 3 ครั้งพบผู้ติดเชื้อ 15 ราย สำหรับสถานการณ์ทั่วโลก มีผู้ติดเชื้อ 8,578,052 ราย และเสียชีวิต 456,284 ราย
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับข่าวที่น่าสนใจ คือ ประเทศเยอรมนีสั่งระงับการปฏิบัติงานของโรงงานแปรรูปเนื้อแห่งหนึ่งหลังเกิดการกระบาดของโควิด-19 ทำให้มีผู้ติดเชื้อแล้วมากกว่า 650 ราย ซึ่งมีการตรวจเชื้อ 1,000 ราย และอยู่ระหว่างรอตรวจอีกหลายพันราย ดังนั้น เราเรียนรู้จากข่าวต่างประเทศ จะเห็นว่ามีการติดเชื้อจากกลุ่มผู้ใช้แรงงานเนื่องจากสถานที่ไม่ถูกสุขอนามัย ซึ่งประเทศไทยมี พ.ร.บ.ควบคุมโรคติดต่อ จึงฝากผู้ประกอบการเข้าไปดูเรื่องความสะอาด สาธารณสุข ถ้าไม่อยากให้มีการติดเชื้อก็ต้องดูแลตัวเองเป็นอย่างดี การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องทางการ แต่อาจไม่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ถ้าเรารู้หน้าที่ทุกคนก็จะปลอดโรค ปลอดภัย สำหรับคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศและจะเดินทางถึงประเทศไทยในวันเดียวกันนี้ 5 เที่ยวบิน จำนวน 500 ราย ในวันที่ 20 มิ.ย.จำนวน 503 ราย
เมื่อถามว่าถึงการช่วยเหลือคนไทยในอียิปต์ พบว่า 38 คน มีไข้สูงและได้รับการรักษาเพียงพาราเซตามอล และวิตามินซี จะให้การดูแลอย่างไรได้บ้าง นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เป็นความกังวล แต่โรคนี้ไม่มียารักษา ไม่มีวัคซีน มีเพียงวิธีการรักษาตามอาการเท่านั้น ถ้ามีไข้ก็ใช้ยาพาราเซตามอล ไม่ผิดจากการรักษาในโรงพยาบาล ตนได้รับรายงานจากที่ประชุม ศบค.ชุดเล็กว่านักศึกษาไทยที่ต้องอยู่ในหอพักใน 38 คน ได้รับการตรวจซ้ำและผลตรวจออกมาเป็นลบ ส่วนที่เหลือมีอาการน้อยหรือไม่มีอาการเลย โดยกรมควบคุมโรคและกรมการแพทย์ ประสานและจัดทำกรุ๊ปไลน์ขึ้นมา เพื่อให้ทั้ง 38 คนได้ปรึกษากับแพทย์ ซึ่งหลายคนผ่อนคลายขึ้น โดยจะมี 4 เที่ยวบินจากประเทศอียิปต์ ในวันที่ 3 ก.ค. และวันที่ 8 ก.ค.รอบละ 200 คน และอีก 2 เที่ยวบินยังไม่มีกำหนดวันและเวลา แต่คาดว่าอีกพันคนจะกลับมาในช่วงเร็วๆ นี้ ทั้งนี้ ไม่ว่าคนไทยจะอยู่ส่วนเของโลกเราจะพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันยังพบว่ามีนักศึกษาตกค้างที่ประเทศซูดาน ซึ่งการเดินทางยากลำบากกว่าประเทศอียิปต์เนื่องจากมีเที่ยวบินน้อย แต่โชคดีที่เรามีทหารไทยอยู่ที่ประเทศซูดาน 1 กองร้อย และมีแพทย์ทหาร ก็จะได้ดูแล และคาดว่าในวันที่ 24 มิ.ย.จะเดินทางกลับมาได้ทั้งหมด
เมื่อถามต่อถึงกรณีกลุ่มนักดนตรีเรียกร้องให้รัฐบาลปลดล็อกกลับไปทำงานตามปกติ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า เป็นที่น่าเห็นใจ เพราะกิจกรรมและกิจการอื่นเปิดได้ แม้แต่คอนเสิร์ตก็ยังเปิดได้ แต่นักดนตรียังทำงานไม่ได้ และคนที่ติดเชื้อไม่ใช่นักดนตรี แต่เป็นนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวในสถานบันเทิง เรื่องเหล่านี้ ผอ.ศบค.เป็นห่วงทุกอาชีพที่สุจริตทุกอย่างล้วนมีสิทธิดำเนินการ โดยวันเดียวกันนี้ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รอง ผบ.ทบ. ในฐานะกรรมการคณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 เจรจากับกลุ่มนักดนตรีอิสระแล้วว่ามีการเตรียมการจะอยู่กับวิถีชีวิตใหม่อย่างไร มีส่วนช่วยอะไรให้สังคมและจะช่วยทำอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ รวมถึงกิจการผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่จะมีผู้แทนมาพูดคุยแนวทางปลดล็อกในสัปดาห์นี้ด้วยเช่นกัน
เมื่อถามอีกว่าการจับคู่การเดินทางระหว่างประเทศที่มีความปลอดภัยจากโควิด-19 สูง (ทราเวล บับเบิล) เป็นห่วงจะทำให้เกิดการระบาดซ้ำและไม่คุ้มหรือไม่ นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ยังไม่มีข้อยุติ แต่อยากให้ทำความเข้าใจตรงกันว่าทราเวล บับเบิล ไม่ใช่ว่าจะมีนักเที่ยวเข้ามาหลายแสน หลายล้านคนต่อปี แต่จะเป็นกลุ่มที่เขข้ามาผลักดันเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เช่น นักธุรกิจ แรงงานมีฝีมือ ผู้เชี่ยวชาญดูแลเครื่องจักร เครื่องกล ผู้เข้ามารับการรักษาพยาบาล ครูโรงเรียนนานาชาติ และผู้ที่ขออนุญาตทำงานในประเทศไทย ซึ่งมีการลงทะเบียนแล้ว 2 หมื่นกว่าคน ไม่ใช่นักท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งกลุ่มดังกล่าวจะได้รับการพิจารณาก่อนและเชื่อว่าหากเข้ามาประมาณ 2-3 หมื่นคน ก็สามารถดูแลจัดการได้ โดยการอนุญาตให้เข้ามา ผอ.ศบค.จะพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบ โดยให้ทีมเข้าไปศึกษารายละเอียดอย่างดี ถ้าเรียบร้อยก็จะเห็นความก้าวหน้าในลำดับต่อไป