คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ยก 5 เหตุผล “บิ๊กตู่” สมควรลาออก ผิดสัญญากับประชาชน อ้างปฎิรูปการเมือง แต่ “พลังประชารัฐ” กลับเล่นการเมืองน้ำเน่า เปิดศึกแย่งชามข้าวไม่อายชาวบ้าน แถมไม่จริงใจสร้างความปรองดอง แค่เป็นข้ออ้างสืบทอดอำนาจ จี้รีบลงจากหลังเสือ ก่อนเกิดจลาจลซ้ำรอยสหรัฐฯ
วันนี้ (13 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 ที่มี นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ เป็นประธาน ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เสียสละด้วยการลาออกจากตำแหน่ง เนื่องจากไม่ได้มีการปฏิรูปการเมืองและสร้างความปรองดองตามที่สัญญาไว้กับประชาชน โดยเปิดทางให้รัฐบาลชุดใหม่ที่ไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งได้บริหารประเทศเป็นการล้างกระดานการเมือง ก่อนที่สถานการณ์จะรุมเร้าปั่นป่วนโกลาหลจนยากจะเยียวยา
คณะกรรมการญาติวีรชน ระบุเหตุผลว่า ทั้งนี้ เหตุผล 5 ข้อ ประกอบด้วย 1. การแย่งชิงตำแหน่งกันในพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นพรรคแกนนำตั้งรัฐบาล เพื่อต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ทั้งที่ประชาชนยังเดือดร้อนกับปัญหาโควิด-19 สะท้อนให้เห็นว่า นักการเมืองในฝ่ายรัฐบาลไม่ได้สนใจที่จะแก้ปัญหาของประชาชนอย่างแท้จริง สนใจแต่เพียงผลประโยชน์และพวกพ้องของตนเองมากกว่าผลประโยชน์ของชาติและประชาชนโดยรวม สุดท้ายการเมืองไทยก็จะวนเวียนอยู่ใน “การเมืองน้ำเน่า” เช่นนี้ ระบบรัฐสภาก็เป็นที่พึ่งพาไม่ได้ และจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นระบอบประชาธิปไตยและประเทศชาติกลายเป็นวงจรอุบาทว์อีก พอกันทีกับ “การเมืองน้ำเน่า” ประชาชนอดทนมามากแล้ว
2. พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ปฏิรูปประเทศ และไม่สร้างความปรองดองสมานฉันท์ หลังยึดอำนาจ 22 พ.ค. 2557 มีการตั้งสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) แล้วก็ยุบทิ้ง แล้วก็ตั้งสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และปัจจุบันมีคณะกรรมการปฏิรูปประเทศ 11 ด้าน รวมทั้งคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ซึ่งทั้งหมดคือการซื้อเวลาเพื่อสืบทอดอำนาจเท่านั้น
3. ก่อนจะลงจากหลังเสือ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ มีเวลาไม่นานต้องรีบเร่งแก้ปัญหาใหญ่ของบ้านเมือง โดยเฉพาะปัญหาทุนผูกขาดประเทศ ปัญหากับดักรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ กระบวนการยุติธรรมสองมาตรฐานไร้ความน่าเชื่อถือ เร่งปฏิรูปโครงสร้างการเมือง เศรษฐกิจและสังคมโดยเร่งด่วน ก่อนประเทศไทยจะเผชิญสถานการณ์วิกฤตเหมือนสหรัฐอเมริกา ปัญหาใหญ่จากความขัดแย้งกำลังจะปะทุขึ้นมาในไม่ช้า โดยเฉพาะปัญหาการเลือกปฏิบัติ ความเหลื่อมล้ำต่ำสูงทางเศรษฐกิจในสังคม คนรวยล้นฟ้า 1% กลับครอบครองโภคทรัพย์ในแผ่นดินมากมาย แต่ประชาชนกำลังเป็นทุกข์ยากจากภาวะตกงาน และกำลังจะอดตาย เพราะนโยบายรัฐบาลและโครงสร้างประเทศที่ล้าหลัง
4. ถ้าจะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ก็ขอให้คัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาบริหารประเทศ ไม่ใช่แต่งตั้งเพราะมีการต่อรองกัน ใครมีมือมากกว่าก็ได้กระทรวงที่มีผลประโยชน์ไปดูแล และที่สำคัญ ต้องโละระบบโควตา เพราะถ้ายังมีระบบนี้จะยิ่งทำให้ประเทศประสบวิกฤตหนักเข้าไปอีก และการปรับ ครม.ควรจะเป็นเพียงชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจ และทำภารกิจพิเศษ อาทิ การแก้ไขให้มีการลดค่าใช้ไฟฟ้า ประปา ราคาพลังงาน และระบบขนส่งมวลชนสาธารณะ ให้ถูกลงกว่าเดิม เพื่อบรรเทาภาระของประชาชน ด้วยการยกเลิกสัญญาที่ไม่เป็นธรรมที่ทำไว้กับเอกชนเพื่อรักษาผลประโยชน์สาธารณอย่างแท้จริง
5. รัฐบาลต้องรีบแก้ไขปัญหารัฐธรรมนูญ เนื่องจากการทำหน้าที่ของวุฒิสภามาถึงทางตันแล้ว จากการใช้อำนาจมิชอบลงมติเห็นชอบให้ นายสุชาติ ตระกูลเกษมสุข เป็นกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ทั้งที่ขาดคุณสมบัติขัดรัฐธรรมนูญ 2560 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เนื่องจากทำหน้าที่รัฐสภามาก่อน เป็นเรื่องผลประโยชน์ขัดกันชัดเจน และอย่านำรายชื่อขึ้นทูลเกล้าฯให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท รัฐบาลต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญร่วมกับผู้แทนปวงชนจากทุกพรรคการเมืองเพื่อเดินหน้าบ้านเมืองสู่การปรองดองสมานฉันท์โดยเร็ว