กลุ่มเกษตรกรต้านแบน 3 สารเคมีกำจัดศัตรูพืช ยื่นศาล ปค.อีกรอบขอสั่งชะลอการห้ามใช้-จำหน่าย “พาราควอต-คลอร์ไพริฟอส” ชี้ไร้สารทดแทน ทำเกษตรกรเดือดร้อน ซ้ำเอาเก่าไปคืนไม่ได้เงินชดเชย แถมรัฐเตรียมผ่อนปรนให้นำเข้าวัตถุดิบ-สินค้าเกษตรที่ปนเปื้อน 2 สารได้ถึง มิ.ย. 64 เข้าข่ายสองมาตรฐาน ด้านชาวไร่มันสำปะหลังอ้างจำเป็นต้องใช้ แม้ห้ามก็แอบซื้อเหมือนหวยใต้ดิน เหตุไร้สารอื่นทดแทนพาราควอตได้ ประกาศจะจำไว้พรรคไหนกระทืบซ้ำเกษตรกรให้จมดิน
วันนี้ (11 มิ.ย.) ที่ศาลปกครอง สมาคมเกษตรปลอดภัย นำโดยนายสุกรรณ์ สังข์วรรณะ เลขาธิการ พร้อมด้วยตัวแทนเกษตรกร 50 คน เข้ายื่นคำร้องขอให้ศาลปกครองกลางกำหนดมาตรการบรรเทาทุกข์ชั่วคราวก่อนมีคำพิพากษา โดยให้สั่งระงับประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม และประกาศกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ให้ยกเลิกการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืช พาราควอต คลอร์ไพริฟอส ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2563 ไว้จนกว่าศาลปกครองจะมีคำพิพากษาถึงที่สุด หลังจากที่ก่อนหน้านี้สมาคมได้มีการมายื่นฟ้องของเพิกถอนประกาศดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 พ.ค.ที่ผ่านมา และศาลได้ยกคำขอไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว โดยนายสุกรรณ์ กล่าวว่าที่ต้องมายื่นคำขอใหม่เพื่อให้ศาลเห็นว่าผู้ฟ้องแม้จะมี 11 คน แต่ถือเป็นตัวแทนของเกษตรกรในระบบฟาร์มเกษตร และระบบอุตสาหกรรมเกษตร ที่มีอยู่ครึ่งประเทศ ประกาศกระทรวงอุตสาหกรรมที่มีผลบังคับใช้เมื่อ 1 มิ.ย.ทำให้ปัจจุบันเกษตรกรไม่สามารถใช้สารเคมีทั้ง 2 ชนิดได้ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดมีโทษจำคุก 10 ปี ปรับเป็นเงิน 1 ล้านบาท สูงกว่าการค้าเฮโรอีน ยาบ้า อีกทั้งเมื่อเกษตรกรนำ 2 สารเคมีที่ครอบครองอยู่เดิมไปคืนร้านค้าตามและประกาศของกระทรวงเกษตรฯ ก็ไม่ได้รับเงินชดเชย รวมทั้งหลังวันที่ 1 มิ.ย. กรมวิชาการเกษตร ก็ไม่ได้มีมาตรการหรือหาสารอื่นที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่า 2 สารเคมี มาให้เกษตรกรได้ใช้ ที่อ้างว่าให้ใช้สารชีวพันธุ์สำหรับกำจัดวัชพืชก็มีสารตัวไหนได้รับการขึ้นทะเบียนว่ากำจัดวัชพืชได้ ซ้ำกรมวิชาการเกษตรยังออกมายอมรับเองว่ามีการปลอมปนของพาราควอต ส่วนที่แนะนำที่ให้ใช้แรงงานถอนหญ้า เครื่องจักรกลมาให้ในอุตสาหกรรมพืชไร่ ก็ไม่สามารถทำได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะมีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่ แปลงปลูก เครื่องจักรกลอาจทำลายพืชปลูกให้เสียหายได้
นายสุกรรณ์ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้เข้าสู่ฤดูเพาะปลูก หากยังไม่มีแนวทางที่ชัดเจน จะส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและการส่งออก โดยเฉพาะอ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพด ยางพารา ปาล์มน้ำมัน และไม้ผล ที่จำเป็นต้องใช้พาราควอต เมื่อไม่มีใช้ ผลผลิตของพืชเหล่านี้ก็จะลดลง ต้องมีการนำเข้าจากต่างประเทศมาทดแทน ก็เป็นการซ้ำเติมเกษตรกรอีก จึงอยากให้ศาลปกครองเร่งพิจารณาเรื่องดังกล่าว
“ล่าสุดเมื่อวันอังคารมีการประชุมระหว่างมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รมช.เกษตรฯ กับกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร่างประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องอาหารที่มีสารพิษตกค้าง พบว่าจะมีการผ่อนปรนให้นำเข้าวัตถุดิบสินค้าเกษตร ที่มีการใช้สารพาราควอต คลอร์ไพริฟอส เช่น ถั่วเหลือง กากถั่วเหลือง และข้าวสาลีจากต่างประเทศ จนถึง 1 มิ.ย. 2564 แสดงให้เห็นถึงความไม่เป็นธรรม สองมาตรฐาน เพราะในประเทศไม่ให้มีการใช้ 2 สารเคมีดังกล่าว ดังนั้นเมื่อเปิดให้สินค้าจากต่างประเทศที่ใช้สารเคมีเข้ามาขายในประเทศได้ ก็ควรที่จะผ่อนปรนให้เกษตรกรและอุตสาหกรรมเกษตรใช้ 2 สาร นี้ได้ไปจนถึง 1 มิ.ย. 2564 เช่นกัน ฝากถึงรัฐมนตรีว่าประเทศเราต้องมีความมั่นคงเรื่องอาหาร ถ้าเราไม่มีอาหารก็ไม่เกิดความมั่นคง ไม่เกิดการอยู่ดีมีสุข รัฐบาลจะมาจาการเลือกตั้งหรือไม่ แต่ถ้าประชาชนไม่อยู่ดีมีสุข ก็อยู่ลำบาก” นายสุกรรณ์กล่าว และย้ำว่าเราต้องมาพึ่งศาล เพราะพึ่งรัฐบาลและรัฐมนตรีไม่ได้
นายสุกรรณ์ยังระบุอีกว่า ถ้ามีสารเคมีสัก 1 ตัวที่แทนพาราควอตได้แม้แพงกว่า 10 เท่า เกษตรกรก็พร้อมใช้ แต่สารกลูโฟสิเนตที่รัฐบาลจะให้ใช้ เมื่อเทียบต่อแปลงแพงกว่าพาราควอต 12 เท่า และเกษตรกรไม่ใช้ เพราะมีผลต่อพืชประธาน เป็นยาที่ดูดซึมและเผาไหม้ทำให้พืชปลูกของเรามีอันตราย รวมทั้งถ้ากูลโฟซิเนตใช้แทนพาราควอตได้ เราใช้ไกลโฟเซตดีกว่า เพราะกำจัดวัชพืชได้ดีกว่ากูลโฟซิเนต วันนี้ผู้บริโภคเป็นเพียงเบี้ยตัวหนึ่งที่เขาอ้าง อย่าลืมว่าเกษตรกรก็เป็นผู้บริโภคด้วยเหมือนกัน ไม่ให้เราใช้สารเคมีโดยอ้างว่าเป็นพิษ แต่ทำไมจะให้เราร่วมบริโภคอาหารที่มีสารพิษตกค้างจากต่างประเทศ ยืนยันว่าการเคลื่อนไหวไม่ได้เป็นของบริษัทขายสารเคมีตัวใดตัวหนึ่ง แต่รู้จักบริษัทจากการให้สารเคมี
ด้านนายอดิศักดิ์ ศรีสรรพกิจ อดีตอธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวว่า ได้ยื่นฟ้องคดีนี้ต่อศาลปกครองด้วย เพราะหลังเกษียณแล้วไปเป็นเกษตรกรได้รับผลกระทบจาการยกเลิก 3 สารเคมี ซึ่งเห็นว่าขั้นตอนการพิจารณามาสู่การยกเลิกไม่น่าจะชอบด้วย รมช.เกษตรฯ มีการแสดงความเห็นชี้นำว่าควรยกเลิกตั้งแต่ต้น โดยมีเสียงของพรรคการเมืองที่สังกัดออกมาสนับสนุน เมื่อมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาศึกษา รัฐมนตรีก็เป็นไปประธานเอง ตัวแทนเกษตรที่เข้าไปร่วมเป็นกรรมการ ก็เป็นตัวแทนเกษตรอินทรีย์ ที่ต้องการให้ยกเลิกอยู่แล้ว ทำให้มติที่ออกมาจึงเป็นมติยกเลิก กรรมการบางคนซึ่งมาจากกระทรวงเกษตรฯ ที่ลงมติเห็นด้วยยังอ้างว่า เพราะเป็นนโยบายของรัฐมนตรี รวมทั้งยังมีความผิดปกติในการเร่งประชุมของคณะกรรมการวัตถุอันตราย ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่รัฐมนตรีสาธารณสุขออกมาประกาศว่า ถ้าไม่ลงมติแบน 3 สารเคมี พรรคภูมิใจไทยจะถอนตัวจาการร่วมรัฐบาล
“ตั้งแต่ผมรับราชการมา ไม่เคยเห็นข้าราชการถูกกดดันอย่างเปิดเผยเช่นนั้นเลย และในที่สุดข้างราชการเกือบทุกคนที่อยู่ในอาณัติไม่ว่าจะเป็นจากกระทรวงเกษตรฯ กระทรวงสาธารณสุข ไม่เว้นแต่กระทรวงคมนาคม ซึ่งลงมติเห็นด้วยให้แบน ทั้งหมดอยู่ภายใต้การบริหารงานของนักการเมืองจากพรรคการเมืองเดียว ดังนั้นการที่มีมติแบน 3 สารในวันที่ 22 ต.ค. 2562 จึงควรถูกพิจารณาว่าเป็นการลงมติที่ไม่ชอบ” นายอดิศักดิ์กล่าว และว่าในระหว่างที่รวบรวมสารเคมีคืนจากเกษตรกรยังไม่อยากให้มีการนำไปทำลาย เพราะมีมูลค่ามาก หากต้องมีการนำกลับมาใช้จะเกิดความวุ่นวายและเสียหายมาก
นายวัชระ ถนัดค้า ประธานกลุ่มเกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง กล่าวว่า ใช้พาราควอตมาตั้งแต่ปี 2520 จนบัดนี้ 40 ปี ไม่เคยเห็นมีพิษมีภัย ญาติพี่น้องก็ใช้ จะให้ไปใช้สารอื่นก็ไม่ได้ ถ้าใช้ไกลโฟเซตคุมใบและยอดใบ ก็จะหยิกงอผลผลิตจะไม่มีเลย ที่พาราควอตจำเป็นต่อเกษตรกรเพราะ การสะสมของพิษไม่มี ใช้มาหลายสิบปีแล้ว เคยหลงไปใช้ไกลโฟเซตตอนต้นเล็กๆ ต้นตาย ใบจะหยิก มันจะไม่มีหัว ตนทดลองใช้มาหมดแล้วมีอย่างเดียวที่ใช้ได้คือพาราควอต ซึ่งความจำเป็นของสารแต่ละชนิดอยากให้ภาครัฐช่วยดูด้วยชาวไร่มันต่อสู้มาขนาดไหน
“วันนี้ราคามันก็ตกแถมยังมีเจอพิษภัยการเมืองเรื่องพาราควอต แล้วมาเจอสถานการณ์โควิต อย่าทำร้ายเราเลยแค่นี้ก็จะติดหนี้กันบาน อยากให้ภาครัฐดีดีว่าจะช่วยเกษตรกรหรือจะกระทืบซ้ำเกษตรกรให้จมดิน ถ้าเช่นนั้นพวกผมก็จะจำไว้ว่าพรรคไหนใครทำอะไรกับเรา” นายวัชระกล่าว และว่าหลังมีประกาศห้ามแล้วไม่มีสารอื่นที่ดีเท่ามาทดแทน เกษตรกรก็ต้องแอบซื้อหลังร้านเอา เหมือนหวยใต้ดิน แม้มีราคาสูงกว่าเดิม 100 บาท แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถ้าไม่ใช้ก็ไม่ได้ผลผลิต
เมื่อถามว่าตามประกาศห้ามใช้กำหนดโทษไว้สูง นายวัชระกล่าวว่า “เกษตรกรไร่มันสำปะหลังมีเป็นแสน ตนอยากให้แต่ละคนถือกันออกมาคนละครึ่งลิตรเพื่อให้ตำรวจจับจะได้ขังรวม พวกเราแล้วไม่ต้องไปซื้อข้าวกิน แค่นี้ก็จนพอแล้ว