“สุทิน” โอดฝ่ายค้านถูกลดโควตา กมธ. กลายเป็นเสียงข้างน้อยหลายคณะ

ฝ่ายค้านโวยถูกลดโควตา กมธ.สามัญ กลายเป็นเสียงข้างน้อยใน กมธ.หลายคณะ กระทบการทำงานตรวจสอบรัฐบาล

วันนี้ (9 มิ.ย.) นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย แถลงว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร วันที่ 10 มิ.ย. ฝ่ายค้านจะตั้งกระทู้สดสอบถามรัฐบาล กรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ต้องหาลี้ภัยการเมือง ที่ถูกอุ้มหายไปที่ประเทศกัมพูชา โดยพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลจะแยกกันถามคนละประเด็นในหัวข้อเดียวกัน เช่น พรรคหนึ่งอาจถามเรื่องสิทธิมนุษยชน ส่วนอีกพรรคถามเรื่องมิติการบริหารจัดการของรัฐ และการประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศ เชื่อว่าประธานสภาฯ จะอนุญาตให้อภิปรายร่วมกันได้เพราะเป็นคนละประเด็น จากนั้นเป็นการพิจารณาตั้ง กมธ.สามัญประจำสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นผลมาจากกรณีการยุบพรรคอนาคตใหม่ และกรณีมี ส.ส.เสียชีวิต จึงต้องปรับโครงสร้างกันใหม่

“เรื่องนี้ฝายค้านกังวล เพราะโดยประเพณีแล้ว กมธ.ที่จะปรับโครงสร้างใหม่เป็นชุดที่ตรวจสอบการทำงานฝ่ายรัฐบาล ดังนั้น โควตาดังกล่าวต้องตกเป็นของฝ่ายค้าน เช่น กมธ.ป.ป.ช. กมธ.ติดตามการใช้งบประมาณ แต่มีการเจรจากันยาก เพราะฝั่งรัฐบาลก็ต้องการเติมคนเข้ามา ทราบว่าจะเติมเบอร์ใหญ่เข้ามาทำให้สัดส่วนโครงสร้างเปลี่ยน ทำให้ฝ่ายค้านกลายเป็นเสียงข้างน้อยใน กมธ. โดยเฉพาะใน กมธ.ป.ป.ช.จะตรวจสอบรัฐบาลไม่ได้ เขี้ยวเล็บ กลไกการสอบฝ่ายค้านจะพิการทันที”

นายสุทินกล่าวว่า เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับ กมธ.หลายคณะที่ฝ่ายค้านเป็นประธาน กมธ. เพราะสมาชิกใน กมธ.เป็นฝ่ายรัฐบาลเยอะกว่า ในสัดส่วนที่ประธาน กมธ.ของฝ่ายค้านแทบจะทำงานไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ฝายค้านเป็นห่วงว่า กมธ.ตรวจสอบใน กมธ.จะทำไม่ได้ จึงคิดว่าต้องเจรจากัน และจะขอหารือกับประธานสภาในที่ประชุมด้วย เพราะถ้าปล่อยให้เป็นสภาพเช่นนี้ กมธ.ชุดที่ทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาลจะทำงานไม่ได้ ทำให้ไม่มีหลักการถ่วงดุล

นายสุทินกล่าวว่า นอกจากนี้ในการประชุมสภาวันที่ 10 มิ.ย.จะเลื่อนวาระการตั้ง กมธ.วิสามัญศึกษาผลกระทบการลงนามข้อตกลงซีพีทีพีพี ขึ้นมาพิจารณาก่อน ฝ่ายค้านเตรียมผู้อภิปรายเรื่องนี้ไว้ 15-20 คน เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ที่มีผลกระทบมาก สังคมตามไม่ทัน ฝ่ายค้านจึงมีมติให้ตั้ง กมธ.วิสามัญดังกล่าว ก่อนที่รัฐบาลจะตัดสินใจเข้าร่วมเจรจาในข้อตกลงดังกล่าว เมื่อเสร็จจากนี้เรื่องนี้แล้วจะเป็นการพิจารณาการตั้ง กมธ.วิสามัญควบคุมตรวจสอบการใช้งบประมาณเงินกู้ 1.9 ล้านล้านบาท ถ้าพิจารณาเสร็จไม่ทันในวันที่ 10 มิ.ย.จะไปพิจารณาต่อในวันที่ 11 มิ.ย. โดยสองเรื่องนี้ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลเห็นตรงกันจะต้องให้แล้วเสร็จในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะการตรวจสอบการใช้งบประมาณเงินกู้ จะได้เริ่มทำงาน เพราะกระบวนการกลั่นกรองโครงการและแผนงานในงบเงินกู้ ต้องจบภายในเดือน มิ.ย. ดังนั้น กมธ.วิสามัญชุดนี้ต้องตั้งให้ทันเพื่อจะตรวจสอบโครงการต่างๆ ตั้งแต่การอนุมัติโครงการ