xs
xsm
sm
md
lg

เอาล่ะสิ! น้าเป๊ปซี่ ชี้ “วันเฉลิม” ผิดเงื่อนไขกัมพูชา “หมอวรงค์” เตือน “ทอน” โยง George Floyd อายเขา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ นายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ จากแฟ้ม
“เสริมสุข” เปิดเบื้องลึกปฏิบัติการอุ้ม “วันเฉลิม” อยู่ไม่เป็น ผิดเงื่อนไขกัมพูชา ที่ห้ามใช้ประเทศเขาเคลื่อนไหว ด้าน “หมอวรงค์” เตือน “ทอน” อย่าโยง George Floyd มันคนละเรื่อง อายเขา

น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (6 มิ.ย. 63) เฟซบุ๊ก Sermsuk Kasitipradit ของ นายเสริมสุข กษิติประดิษฐ์ หรือ “เป๊ปซี่” นักข่าวอาวุโส โพสต์ข้อความระบุว่า

“ความแตกต่างของการอยู่เป็นกับอยู่ไม่เป็น....ทั้ง จักรภพ เพ็ญแข และ กี้ร์ อริสมันต์ หลบซ่อนตัวในกัมพูชามายาวนาน ภายใต้เงื่อนไขที่ทาง กพช.แจ้งให้ทราบต้องยุติการเคลื่อนไหวทางการเมืองใน กพช.ทั้งหมด ผิดจากเงื่อนไขนี้ ขอไม่รับประกันความปลอดภัย หากอยู่เป็น อยู่เฉยๆ นิ่งๆ จะไม่มีการส่งตัวคืนให้ทางการไทยจากที่ถูกร้องขอ ต่างจาก “วันเฉลิม” เด็กน้อยที่อยู่ไม่เป็นขาดความรู้ความเข้าใจต่อการเมืองระหว่างประเทศไทย กพช. จนเกิดเหตุการณ์อุ้มหาย

ความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงไทยกับสามประเทศอินโดจีน แนบแน่นหลัง คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ต่อเนื่องยาวมาถึงรัฐบาลเลือกตั้งของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในช่วง คสช. ทางการ สปป.ลาว ให้ความร่วมมืออย่างดีเยี่ยมจากการร้องขอของฝ่ายไทย ต่อการเคลื่อนไหวที่กระทบความมั่นคงในฝั่งลาว จากกลุ่มแดงสยาม ของ นายสุรชัย แซ่ด่าน และ กลุ่มสหพันธรัฐไทย ลุงสนามหลวง ชูชีพ ชีวสุทธ์ ที่หายสาบสูญจากช่วงต้นปี 61 หลังทางการลาวเตือนให้ยุติการเคลื่อนไหวในฝั่งลาว ที่จะกระทบความสัมพันธ์กับรัฐบาลไทย แต่ นายสุรชัย และ ลุงสนามหลวง ยังเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องจนปฏิบัติการอุ้มหายจาก กกล.นิรนาม

ข่าวฟังว่า เป็นมือพิฆาตกลุ่มไซหลุนจากลุ่มน้ำแยงซีเกียง การอุ้มในฝั่งลาวหากทางการลาวไม่ไฟเขียวเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก เมื่อว่ากล่าวตักเตือนแล้วไม่ฟัง ต้องรับผิดชอบตัวเองกับสิ่งที่เกิดขึ้น จนวันนี้ยังไม่มีใครพบตัวสองแกนนำล้มเจ้าแบ่งแยกดินแดน ส่งผลให้กลุ่มไฟเย็น 112 ที่อยู่ในลาวต้องขอหลบหนีต่อไปฝรั่งเศส หลังทางการลาวไม่ให้หลบลี้ภัยในฝั่งลาว เพราะไม่ต้องการให้กระทบความสัมพันธ์ที่มีกับไทย

กรณี วันเฉลิม เมื่ออยู่ไม่เป็น เลยเกิดกรณีอุ้มหายตามมา หากอยู่เป็นฟังคำตักเตือนของทางการ กพช. อย่าง กี้ร์ และ จักรภพ อาจไม่พบชะตากรรมอย่างที่เกิดขึ้น ใช้คอนโดที่พักในกรุงพนมเปญ เคลื่อนไหวปล่อยข่าวเฟกนิวส์ ผ่านเฟสอวตารหลายเฟส (ฝ่าย cyber IT ตรวจพบชื่ออวตารหลายเฟสที่ปล่อยข่าวเฟกนิวส์ มีที่มาเดียวกันกับนายวันเฉลิม) ถูกทางการพนมเปญตักเตือนหลายครั้งให้ยุติการกระทำลักษณะดังกล่าว

เป็นที่ทราบดี ผู้นำฮุนเซน ของ กพช.เคยประกาศห้ามการเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลไทยใน กพช. ซึ่งเป็นเหตุผลที่ไฟเย็น 112 เลือกที่จะไม่ไปปักหลักหลบซ่อนตัวต่อที่ กพช.

ปฏิบัติการอุ้มหายที่เกิดขึ้น ทำในช่วงพลบค่ำกลางกรุงพนมเปญ ต่อหน้าผู้คนจำนวนมาก หากไม่ได้ไฟเขียวจากเจ้าบ้านยากที่จะเกิดขึ้นได้ การออกมาปฏิเสธของโฆษก ตร.กพช. ไม่รู้เห็นต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนยันว่า ไม่มีเหตุการณ์อุ้มหายอย่างที่รายงานในฝั่งไทย

ปฏิบัติการที่เกิดขึ้น เหมือนต้องการส่งสัญญาณเตือนบอกผ่านถึงกลุ่มคนที่คิดใช้ดินแดนในประเทศอินโดจีนเคลื่อนไหวจะประสบชะตากรรมเดียวกัน..กรณีลุงสนามหลวง หายสาบสูญในประเทศเวียดนาม ช่วงต้นปี 2561 หลังวางแผนไปเคลื่อนไหวต่อที่เวียดนาม อดีตนายทหารกองทัพอากาศที่เคลื่อนไหวใต้ดิน รวมถึงทำคลิปเฟกนิวส์กระจายออนไลน์เอาเด็กน้อยมานั่งเต้าข่าว มีรายงานว่า หายแว๊บตอนเดินทางหลบหนีเข้าเวียดนามเช่นกัน..RIP”

ภาพ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ จากแฟ้ม
วันนี้เช่นกัน เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำพรรคก้าวหน้า โพสต์ข้อความระบุว่า

“วันเฉลิม เป็นนักกิจกรรมการเมืองที่ลี้ภัยไปต่างประเทศ เขาอายุไม่ต่างกับผมเท่าไหร่ เรียกได้ว่าเป็นคนรุ่นเดียวกัน ผมไม่รู้จักเขา ดังนั้น ผมคงไม่สามารถพูดแทนเขาทั้งหมดได้ ผมคาดเดาเอาว่า เขาอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงของสังคมไปในทางที่ดีขึ้น จึงทำสิ่งที่เขาทำ เขาตัดสินใจลี้ภัยไปต่างประเทศหลังเกิดการทำรัฐประหารปี 2557

เมื่อวานนี้เขาถูกอุ้มหายไป จนถึงวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นตายอย่างไร

คนที่พูด, เขียน, แสดงความคิดเห็น หรือรณรงค์ทางการเมืองด้วยจุดยืนที่ต่างกับผู้มีอำนาจ ไม่ควรถูกทำให้ตาย คนที่วิพากษ์วิจารณ์ หรือตรวจสอบการใช้อำนาจไม่ควรถูกบังคับให้สูญหาย

วันเฉลิมไม่ใช่คนแรกที่ถูกอุ้ม ในประวัติศาสตร์มีนักรณรงค์มากมายที่ต่อสู้เพื่อความเชื่อของพวกเขา และถูกอุ้มหายตัวไปหรือบางรายถูกเอาถึงชีวิต เช่น

2534 ทนง โพธิ์อ่าน ผู้นำแรงงาน
2547 สมชาย นีละไพจิตร ทนายความด้านสิทธิมนุษชน
2557 พอละจี รักษ์จงเจริญ ชาวปกากะญอ นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิชุมชน ป่าแก่งกระจาน
2559 เด่น คำแหล้ แกนนำขับด้านปฏิรูปที่ดิน อ.คอนสาร ชัยภูมิ
2560 วุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ นักจัดรายการวิทยุชุมชน
2561 สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ ผู้ลี้ภัยการเมือง/นักเคลื่อนไหวการเมือง

“ไม่มีความพยายามจากรัฐที่จะเอาผู้ทำผิดมาลงโทษ ไม่มีความพยายามจากรัฐที่จะคืนความยุติธรรมให้ครอบครัว และคนที่รอการกลับมาของพวกเขา โศกนาฏกรรมเหล่านี้เกิดขึ้นและเรื่องก็เงียบหายไป ไม่มีใครต้องรับผิดชอบใดๆ ปล่อยให้คนที่พวกเขารักเรียกหาความจริงและความยุติธรรมตามยถากรรม

หลายครอบครัวเหนื่อยและท้อแท้ หยุดเคลื่อนไหวพร้อมทำใจยอมรับความจริง ว่า รัฐไม่เคยแยแสต่อความเป็นความตายของคนเหล่านี้ ความจริงไม่มีทางถูกเปิดเผย ความยุติธรรมไม่มีวันปรากฏ หลายครอบครัวที่มีความหวัง และทรัพยากรอยู่บ้างก็ต่อสู้เรียกร้องต่อไป

นี่คือสังคมที่เราอยากเห็น? เราอยากให้ลูกหลานเราเกิดและเติบโตในสังคมแบบนี้?

ผมคิดว่าไม่ และนั่นคือเหตุผลว่า ทำไมเรื่องของวันเฉลิมจึงเป็นเรื่องของเราทุกคน

เรื่องของวันเฉลิม คือ เรื่องของ George Floyd

คือ เรื่องราวของสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ว่าเราคือพลเมือง เป็นผู้ทรงศักดิ์และสิทธิในสังคม เราเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน เรามีสิทธิเสรีภาพในการเดินทาง ทำมาหากิน และแสดงความคิดเห็น เรามีสิทธิเหนือร่างกาย ชีวิตและทรัพย์สินของเรา เรามีสิทธิได้รับความยุติธรรมอย่างเสมอภาคกัน และรัฐมีหน้าที่ปกป้องรักษาสิทธิเหล่านั้น

จนถึงตอนนี้ วันเฉลิม อาจมีชีวิตอยู่ ขอเชิญทุกคนมาร่วมเรียกร้องกดดันให้รัฐบาลทั้งสองประเทศนำวันเฉลิมกลับมาอย่างปลอดภัย

มาร่วมกันยืนเคียงข้างความยุติธรรม เรียกร้องไม่ให้การอุ้มหาย และการข่มขู่คุกคามเพราะทัศนคติทางเมืองเกิดขึ้นอีก เรื่องของวันเฉลิมคือเรื่องของเราทุกคน”

ภาพ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม จากแฟ้ม
อย่างไรก็ตาม ประเด็นของ “ธนาธร” ที่ว่า เรื่องของ วันเฉลิม คือ เรื่องของ George Floyd นั้น เฟซบุ๊ก Warong Dechgitvigrom ของ “หมอวรงค์” นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) โพสต์หัวข้อ “ขอแนะนำสักหน่อย!!!” แสดงความไม่เห็นด้วย

เนื้อหาระบุว่า “ผมไม่ทราบอะไรเกี่ยวกับวันเฉลิม แต่ทราบตามข่าวว่า หายตัวไป ที่หน้าคอนโดในพนมเปญ

แต่การที่นักการเมืองคนหนึ่งโพสต์ว่า

“เรื่องของวันเฉลิม คือ เรื่องของ George Floyd”

ผมคิดว่าเป็นการเชื่อมโยงที่เพี้ยน บิดเบือนจากความเป็นจริง เพราะเรื่องของ George Floyd เป็นเรื่องของการเหยียดผิว ความไม่เท่าเทียม การใช้อำนาจไม่ชอบ ในประเทศแม่แบบประชาธิปไตย ที่คนไทยบางกลุ่มชอบเอามาเป็นแบบอย่าง (โดยไม่ดูรากเหง้า ความเป็นมาของแต่ละประเทศ)

แต่ถ้าจะเอามาเทียบต้องเทียบเหตุการณ์ที่ อดีตรัฐมนตรีกลาโหม เจมส์ แมททิส ออกแถลงการณ์กล่าวหาทรัมป์

“เป็นประธานาธิบดีคนแรกในชีวิต ที่มีพฤติกรรม ต้องการแบ่งแยกประชาชน” มาเทียบกับคำพูดของอดีตผู้นำไทย “จังหวัดไหนไม่เลือก ดูแลทีหลัง” แบบนี้จึงจะถูกครับ

ขอแนะนำว่า การจะเชื่อมโยงอะไร ควรจะศึกษาให้เข้าใจเสียก่อน........อายเขา!!!”

แน่นอน, นับว่าน่าคิด ตั้งแต่โพสต์ของ “น้าเป๊ปซี่” ที่เปิดเผยเบื้องลึกเบื้องหลัง เกี่ยวกับ “เงื่อนไข” การหลบหนีไปอยู่ในกัมพูชา และประเทศในแถบอินโดจีน ของคนที่หลบหนีคดีการเมืองและความมั่นคง ว่า เขาก็มี “เงื่อนไข” ของเขาที่จะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ถ้าอยู่ไม่เป็น ก็อยู่ไม่ได้ ซึ่ง “น้าเป๊ปซี่” สาธยายเอาไว้อย่างละเอียดแล้ว ว่าจะต้องเจอกับอะไรบ้าง และก็ไม่แน่ “วันเฉลิม” อาจอยู่ในข่ายนี้ก็เป็นได้?

ส่วนโพสต์ของ นายธนาธร ที่เรียกร้องให้มีการนำคนทำผิดมาลงโทษ และเห็นว่า เรื่องวันเฉลิมกับเรื่อง George Floyd เป็นเรื่องเดียวกัน จน “หมอวรงค์” ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วยนั้น

ประเด็นที่น่าวิเคราะห์ต่อ ก็คือ เครือข่าย “ล้มเจ้า” พยายามจะใช้ประเด็นของ “วันเฉลิม” ทำให้ประชาชนคนไทยที่รักความเป็นธรรม และไม่เห็นด้วยกับการอุ้มนักการเมือง หรือ ผู้มีความเห็นต่างทางการเมือง ลุกฮือต่อต้านรัฐบาล (ซึ่งยาก เพราะสังคมไทยกับสังคมสหรัฐฯไม่เหมือนกัน) เหมือนอย่างกรณี George Floyd ในสหรัฐอเมริกาหรือไม่ จึงพยายามโยงให้เป็นเรื่องเดียวกัน อันนี้สิน่าสนใจ

อย่าลืมว่า วานนี้ พลันที่รู้ว่า วันเฉลิม ถูกอุ้ม สิ่งที่ถูกนำมาติดแฮชแท็กในทันทีทันควัน ก็คือ คำพูดสุดท้ายที่แหล่งข่าวอ้างว่า กำลังคุยกับวันเฉลิมอยู่พอดี และได้ยินเขาพูดว่า “โอ้ย..หายใจไม่ออก” ซึ่งเป็นคำพูดเดียวกับที่ George Floyd พูด ก่อนที่สายจะหยุดไป อย่างบังเอิญ?

แต่ก็ถึงบางอ้อ..เมื่อ “ธนาธร” บอกเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะคนกลุ่มนี้จะฉวยโอกาสโหนกระแสหากินได้กับทุกเรื่องทุกคน ไม่ว่าเรื่องเป็นเรื่องตาย นี่คือ อีกมุมหนึ่งที่จะต้องสะท้อนให้เห็นเอาไว้ด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น