“ประยุทธ์” แจงอภิปรายยัน รบ.ดูแล ปชช.เท่าเทียม ยึดหลักเกณฑ์เยียวยาตามลำดับ รับไม่มีเงินมากพอดูแลทุกกลุ่ม ย้ำ โควิด-19 จำเป็นคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ชี้ ถ้ายกเลิกเกิดเหตุคนรับผิดคือรัฐ ขอ ส.ส.มองแง่ดี อย่าจ้องติอย่างเดียว ไม่ใช่คู่ขัดแย้งใคร
วันนี้ (28 พ.ค.) ที่อาคารรัฐสภา เวลา 16.10 น.พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวชี้แจง ว่า รับทราบถึงความห่วงใย ความกังวลของสมาชิกที่อภิปราย โดยเฉพาะกรณีคนเดินทางกลับจากต่างประเทศ ซึ่งจะต้องเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง กักตัวในสถานที่ที่รัฐบาลจัดให้รัฐบาลดูแลทั้งหมด ขณะนี้ที่ผ่านมาที่เป็นปัญหามาก คือ เรื่องการลักลอบผ่านข้ามชายแดน ตนเข้าใจความจำเป็นของคนเหล่านั้น แต่ไม่ได้สนับสนุนให้ทำอย่างนั้น ที่ผ่านมา รัฐบาลมีมาตรการผ่อนปรน เช่น การเสียค่าปรับ 2,000 บาท ลดลงเหลือ 800 บาท ถ้ามองว่าเป็นภาระมันก็ใช่ แต่ถามว่า เราจะเอากฎหมายไว้ตรงไหน ซึ่งตรงนี้จะต้องมีการหารือกันต่อไปว่าจะทำอย่างไร สำหรับจำนวนคนที่เข้ามาในวันเดียวนี้มีมากขึ้น แต่ถึงอย่างไรต้องเพียงพอกับขีดความสามารถในการรักษาและสถานที่จัดการของรัฐและเอกชน หากมองในเรื่องสิทธิที่จะทำอย่างเท่าเทียมกันนั้นก็ต้องดูกฎหมายด้วย ซึ่งไม่ได้เขียนไว้เพื่อคนรวย คนจน แต่เป็นกฎหมายกลางที่ใช้ดูแลร่วมกัน ทั้งนี้ ถ้าดูตามตัวเลขที่เสนอกันมา ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินตรงไหนมาดูแล หากเงินเพียงพอตนก็เห็นด้วย แต่ถ้าเราไม่มีหลักเกณฑ์ไม่มีอะไรเลย คนจะเท่าเทียมกันทั้งหมดมันจะได้หรือไม่ ขอให้คิดง่ายๆ ตรงนี้
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ประเทศไทยทำได้ดีอย่างนี้ ต่างประเทศชื่นชมอย่างนี้ คนไทยลำบากตนทราบ ตนไม่ทราบสบายใจยิ่งกว่าพวกท่าน เพราะถือว่าต้องรับผิดชอบพวกเขา ซึ่งจะต้องดูแลอย่างไร จะใช้จ่ายเงินให้เหมาะสมอย่างไร ส่วนเรื่องสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่ผ่านมา ได้มีการจ่ายไปแล้ว โดยใช้งบประมาณเดิมจำนวนเงินกว่า 4 หมื่นล้านบาท แทบจะไม่ได้ใช้เลย เตรียมพร้อมสำหรับบมาตรการด้านสาธารณสุข ซึ่งมันอาจจะยืดยาวอีกต่อไป รัฐจำเป็นต้องบริหารงบประมาณ ต้องดูแลข้าราชการพลเรือน ตำรวจ และทหาร รัฐบาลไม่ทิ้งเพียงแต่ขอให้ดูว่าใครโกงกันหรือไม่ เท่านั้น แต่คงไม่มีตอนนี้ เรื่องแบบนี้ตนกำชับอยู่แล้ว ขอให้สบายใจ รัฐบาลต้องดูแล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า สำหรับเงินเยียวยาที่รัฐบาลให้ไปเพื่อการดำรงชีพ หลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิด ฉะนั้น การที่มาบอกว่าจะเป็นหนี้อย่างนั้น อย่างนี้มันก็เป็นหนี้กันทั้งนั้นแหละ ตรงนั้นจะต้องดูว่าจะปรับเปลี่ยนตัวเองและพัฒนากันอย่างไร รัฐบาลจะสนับสนุนตรงไหน ซึ่งก็มีการเข้าไปดูแลในเรื่องหนี้นอกระบบ แต่ช่วงนี้เป็นเรื่องการเยียวยา เพื่อดำรงชีพ 3 เดือน คงไม่สามารถนำเงินเหล่านี้ไปผ่อนมอเตอร์ไซค์ หรือผ่อนรถได้ ต้องเข้าใจว่า รัฐบาลก็มีหลักคิด แต่ไม่ขอว่าอะไรในสิ่งที่ท่านพูดมาทั้งหมด แม้แต่เรื่องการเสียภาษี รัฐบาลก็ไม่เคยขึ้น มีแต่ลดให้ด้วยซ้ำไป ถ้าหากจะให้ใช้เงินมากๆ ก็ต้องย้อนมาดูว่าจะเอาเงินจากไหน ตนไม่อยากพูดเรื่องนี้ แม้แต่เรื่องนักศึกษา ตนก็เห็นใจ แต่ต้องดูว่าจำนวนนักศึกษามีเท่าไหร่ เราต้องทยอยก่อนหรือไม่ เอาใครที่อยู่ในระบบก่อนได้หรือไม่ คนที่ขึ้นเป็นสมาชิกก่อนได้หรือไม่ เพื่อลดจำนวนการใช้จ่ายลง แต่จะให้ดูทั้งล้านสองล้านคนประมาทไป เหมือนกับกรณีด้านการเกษตรก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา มันทำไม่ไหวหรอก ตนคงไม่ก้าวล่วงกลับไปที่เดิม ตนไม่ใช่คู่ขัดแย้งกับใครไม่อยากพูด ฉะนั้น สิ่งเหล่านี้ขอให้เข้าใจกันด้วย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับเรื่องการเรียนได้อธิบายไปแล้ว โดยตนได้มอบนโยบายให้กระทรวงศึกษาธิการไปแล้วว่าทำอย่างไร ในช่วงสถานการณ์โควิด โรงเรียนเปิดไม่ได้ นักเรียนจะไม่ลืมการเรียน เพียงแต่ต่อเติมใช้ระบบออนไลน์ ระบบทางไกลผ่านดาวเทียม ขอให้ดูในรายละเอียดซึ่งมีมากมาย เพื่อที่จะได้พูดคุยกันรู้เรื่อง ถ้าตั้งตัวว่าสิ่งนั้นไม่ดี สิ่งนี้ไม่ดี ตนถามว่าแล้วจะพูดคุยกันรู้เรื่องหรือไม่
“ต้องขอขอบคุณ ส.ส.เป็นคนร่วมชาติ ฉะนั้น ต้องหาวิธีการที่จะทำงานร่วมกันให้ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีรัฐบาลคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ว่า แม้จะมี พ.ร.บ.ควบคุมโรค แต่เนื่องจากสถานการณ์โควิด แพร่ระบาดไปหลายจังหวัด จึงต้องมีกฎหมายตามออกมา เพื่อให้อยู่ในมาตรฐานเดียวกัน ผลจากการใช้กฎหมายดังกล่าว ถือว่าดี หากไม่ใช่ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็จะอลหม่านไปหมด รัฐก็จะแก้ไขอะไรไม่ได้ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คือรัฐบาลอีก รัฐบาบได้พิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะมีความจำเป็น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาภาคใต้ ทุกวันนี้ตนได้บริหารออกเป็น 6 ภาค มี 3 จังหวัดภาคใต้ มาอีก 1 ภาค มีโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจใหม่ภาคใต้ พวกท่านต้องไปสานต่อในสิ่งที่รัฐบาลออกไปแล้ว ส่วน พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในภาคใต้ที่ใช้มา 16 ปี ถามว่าแล้วปัญหาจบหรือยัง มันก็ยังไม่จบ ยังมีการลอบทำร้ายผู้บริสุทธิ์และเจ้าหน้าที่ ถามว่า คนส่วนใหญ่จะปลอดภัยได้อย่างไร และไม้ได้ห้ามใครไปไหนมาไหน ใช้เฉพาะที่จำเป็น เมื่อเกิดเหตุการณ์สถานการณ์ใช้กฎหมายปกติไม่เพียงพอ ขอให้เข้าใจว่ามีการใช้หนักเบากันได้ เว้นแต่บางเรื่องที่ให้ไม่ได้ เพราะต้องคำนึงความปลอดภัยคนจำนวนมาก แม้แต่เจ้าหน้าที่ไม่มีใครอยากลงไปทำ แต่ก็ปฏิเสธกฎหมายไม่ได้ เพราะคนไทยทุกคนต้องปฏิบัติตามและเคารพกฎหมาย
“สิ่งที่รัฐบาลทำในวันนี้เพื่อให้เข้มแข็งต่อไปในวันข้างหน้า หากทุกคนช่วยรัฐบาลโดยไม่ถือว่าเป็นฝ่ายใด ตนคิดว่าประเทศจะเดินไปข้างหน้าได้โลด ฉะนั้น อะไรที่ดีกรุณาส่งเสริม ถ้ามองว่าไม่ดีทั้งหมด ผมว่าไม่ใช่ ผมก็ฟังมาทุกอันต้องขอบคุณสมาชิกผู้ทรงเกียรติทุกคน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.