นายกฯ ยันข้อมูลแน่นแจงอภิปราย ย้ำต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน กันระบาดซ้ำ ออกจอสรุปเย็นนี้

โฆษกรัฐบาล แถลง นายกฯ นำทีมถก พ.ร.ก.กู้เงิน พรุ่งนี้ ข้อมูลแน่นพร้อมแจง ยันเงินทุกบาทใช้คุ้มค่า แจงเหตุจำเป็นคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ป้องโควิดระบาดรอบสอง เตรียมออกทีวี สรุปภาพรวมเดินสายหารือภาคเอกชน หลังเคารพธงชาติวันนี้

วันนี้ (26 พ.ค.) เวลา 14.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า วันเดียวกันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไม่ได้มีการแถลงข่าวหลังการประชุม ครม. เนื่องจากนายกฯต้องใช้เวลาเตรียมตัวในการดูข้อมูล พ.ร.ก.ทั้ง 4 ฉบับ โดยในวันที่ 27 พ.ค.นายกฯ และ ครม.จะเดินทางไปรัฐสภา เพื่อร่วมพิจารณา พ.ร.ก.ดังกล่าวด้วยตัวเอง และนายกฯระบุว่า ถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะเปิดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้อภิปรายอย่างเต็มที่ และรัฐบาลยังจะได้รับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ จากฝ่ายค้าน ซึ่งมีรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายดังกล่าว 16 คน รวมนายกฯ เป็น 17 คน ซึ่งทุกคนพร้อมให้ข้อมูล ทั้งนี้ นายกฯฝากตอบคำถามที่สื่อมวลชนถามถึงกรณีฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตเรื่อง พ.ร.ก.กู้เงิน ซึ่งมีความกังวลว่าจะนำเงินไปใช้อย่างไร โดยนายกฯ กล่าวว่า ได้กำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าจะนำเงินไปใช้ในเรื่องใดบ้าง และทุกโครงการที่เสนอขึ้นมาต้องมีแผนงานอย่างชัดเจน มีคณะกรรมการกลั่นกรอง ทำหน้าที่พิจารณา และยังจะมีระบบตรวจสอบอีกหลายส่วน รวมถึงภาคประชาชนที่สามารถร่วมตรวจสอบการใช้เงินจาก พ.ร.ก.กู้เงินดังกล่าวได้ด้วย ซึ่งรัฐบาลจะนำทุกโครงการนำเข้าสู่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อให้ทุกภาคส่วนเข้ามามีส่วนร่วมในรายละเอียด และร่วมตรวจสอบ ยืนยันว่า จะใช้เงินทุกบาททุกสตางค์ให้คุ้มค่า มีประสิทธิภาพช่วยเหลือประชาชนให้มากที่สุด

นางนฤมล กล่าวต่อว่า ส่วนคำถามว่ามีบางกลุ่มได้ยื่นหนังสือคัดค้านการต่ออายุประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่มองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ทางการเมืองนั้น นายกฯ กล่าวว่า ตั้งแต่เริ่มประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จนถึงการพิจารณาต่ออายุ ได้คำนึงเหตุผลด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ไม่เคยคำนึงถึงเหตุผลทางการเมือง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ยังคงมีความจำเป็นในการบูรณาการร่วมกันให้มีเอกภาพ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์เช่นนี้ เราไม่สามารถใช้เพียงแค่ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ซึ่งเป็นเครื่องมือเดียวในการแก้ปัญหาได้ เพราะเรากำลังเข้าสู่มาตรการผ่อนปรนระยะที่ 3 โดยในวันที่ 27 พ.ค. สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะประชุมในรายละเอียด เพื่อนำเข้าที่ประชุม ศบค.เพื่อพิจารณาในวันที่ 29 พ.ค.ซึ่งจะมีการผ่อนปรนในช่วงต้นเดือน มิ.ย. และหลังจากนั้น จะไปสู่ระยะที่ 4 ที่เป็นกิจกรรม กิจการที่มีความเสี่ยงสูง จึงเป็นเหตุผลที่จำเป็นยังต้องคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ไว้เป็นเครื่องมือกำกับดูแลสถานการณ์ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

“รัฐบาลทราบดีว่า การคง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมีผลกระทบกับประชาชนบ้าง จึงค่อยๆ ผ่อนคลายข้อกำหนดต่างๆ เพื่อให้ผลกระทบนั้นเกิดขึ้นน้อยที่สุด อยากให้ประชาชนเข้าใจถึงความมุ่งหมาย และเห็นถึงความตั้งใจของนายกฯ รัฐบาล และ ศบค.ว่า จะทำอย่างไรให้สถานการณ์คลี่คลายได้โดยเร็ว และดีที่สุดประชาชนปลอดภัยจากโรค กลับมาใช้ชีวิตที่ปกติสุข ไม่กลับไปสู่การแพร่ระบาดในระลอกที่สอง” นางนฤมล กล่าว

นางนฤมล กล่าวอีกว่า ส่วนคำถามที่ว่า นายกฯเข้าพบกลุ่มเอกชนครบทุกกลุ่มหรือยัง และมีแนวทางต่อไปอย่างไร นายกฯกล่าวว่า นายกฯเดินสายแรกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสมาคม ผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ ซึ่งเห็นว่า เป็นโอกาสที่ดีที่ได้รับฟังข้อมูลจากต้นทางอย่างแท้จริง ได้รับฟังแนวคิด อุปสรรค ปัญหา ที่แต่ละกลุ่มเผชิญ และนำข้อมูลจากการลงพื้นที่มาทำแผนวิเคราะห์เชิงลึก ซึ่งบางอย่างได้เกิดแนวคิดจากแลกเปลี่ยนกันระหว่างนายกฯกับภาคเอกชน ซึ่งหากมีโอกาสจะลงพื้นที่ในส่วนอื่นเพิ่มเติมอีก ซึ่งยังมีอีกหลายกลุ่มที่นายกฯอยากไปพบ และทำงานเชิงรุกร่วมกัน อย่างไรก็ตาม วันเดียวกันนี้ หลังเคารพธงชาติ ในเวลา 18.00 น. นายกฯจะออกอากาศเทปบันทึกภาพ ภาพรวมการเดินสายหารือแลกเปลี่ยนกับภาคเอกชนดังกล่าว