ตามที่สำนักจุฬาราชมนตรี ได้ประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า วันที่ 1 ของเดือนรอมฎอนประจำปีฮิจเราะห์ศักราช 1441 ตรงกับวันที่ 24 เมษายน 2563 เป็นเดือนที่มุสลิมถือศีลอดตลอดทั้งเดือน และถือว่าเป็นเดือนที่สำคัญเดือนหนึ่ง มุสลิมจะต้องอดอาหารเพื่อที่จะได้เข้าถึงองค์พระผู้เป็นเจ้า (อัลเลาะห์) เป็นเดือน อันประเสริฐที่พี่น้องมุสลิมทั่วโลกจะมุ่งประกอบคุณงามความดี และให้อภัยซึ่งกันและกัน รวมทั้งช่วยเหลือผู้ยากไร้ อีกทั้งเป็นการฝึกความอดทน การอุทิศส่วนกุศล ระลึกถึงภาวะขาดแคลนอาหารและผู้ที่ไม่ได้รับการดูแลจากสังคม เนื่องด้วยปัจจุบันได้เกิดวิกฤต การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid -19 ซึ่งส่งผลกระทบกับการประกอบศาสนกิจของพี่น้องมุสลิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการปฏิบัติตัวในห้วงเดือนรอมฎอน จึงจำเป็นที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส Covid -19 รวมทั้ง ส่งต่อความช่วยเหลือ และกำลังใจไปยังพี่น้องมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ อันเป็นไปตามนโยบายของ พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ที่มีเจตนารมณ์ให้หน่วยดูแลพื้นที่ และดูแลประชาชนในห้วงเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ
จากนโยบายดังกล่าวกรมทหารพรานที่ 48 จึงจัดกำลังพลลงพื้นที่ มอบอินทผลัม หน้ากากอนามัย และผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากแอลกอฮอล์ ในพื้นที่รับผิดชอบ ทั้งด่านความมั่นคง และเดินเท้าเข้าหมู่บ้าน เพื่อเป็นการป้องกันเชื้อไวรัสดังกล่าว รวมทั้งสร้างความอบอุ่นใจและเสริมความสัมพันธ์อันดีระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับประชาชนในพื้นที่อีกด้วย
อินทผลัมนั้น เป็นผลไม้ที่ชาวมุสลิมถือว่าพระผู้เป็นเจ้าประทานให้ เนื่องจากในคัมภีร์อัลกุรอานได้มีการบันทึกเกี่ยวกับอินทผลัมอยู่หลายครั้ง ซึ่งชาวมุสลิมนิยมรับประทานในช่วงเดือนถือศีลอด หรือเดือนรอมฎอน เนื่องจากในคัมภีร์อัลกุรอานได้บัญญัติไว้ว่า สามารถละศีลอดด้วยการกินอินทผลัมแทนการดื่มน้ำได้ เพื่อช่วยลดอาการอ่อนเพลียในช่วงอดอาหาร
ด้านนาย อดุลย์ เงาะ ประชาชนในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า รอมฎอนปีนี้แตกต่างจาก รอมฎอน ในทุก ๆ ปีที่ผ่านมา เนื่องด้วยเกิดวิกฤตการแพร่ระบาดของเชื้อ Covid-19 จากสถานการณ์ดังกล่าว ตนเอง ครอบครัวเข้าใจ และพร้อมปฏิบัติตนให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นความรับผิดชอบที่เราพึงมีต่อส่วนรวม แม้จะแตกต่างไปบ้าง แต่เราก็สามารถประกอบศาสนกิจได้เช่นเดิม แตกต่างเพียงสถานที่เท่านั้น เช่นในทุกๆปีจะมีการละหมาดตารอเวียะห์ในเวลาค่ำคืนที่มัสยิด แต่เนื่องด้วยสถานการณ์เช่นนี้ จึงจำเป็นต้องงดการละหมาดรวมกันที่มัสยิด โดยตนเองคิดว่าเป็นอีกหนึ่งการปฏิบัติตนที่ได้แสดงออกถึงความเป็นผู้นำของครอบครัว การนำละหมาดให้แก่ครอบครัว เป็นโอกาสดีๆ และความรู้สึกดีๆให้เกิดขึ้นมาภายในครอบครัวมากขึ้น ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 ได้ลงมาพูดคุยพบปะทำความเข้าใจเกี่ยวกับการป้องกันโรคดังกล่าว และได้มอบสิ่งของเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น รวมทั้งมอบอินทผลัม เพื่อใช้ในการ ละศีลอด ตนเองรู้สึกดีใจที่วันนี้ เจ้าหน้าที่ทหารพรานมาพบปะ พูดคุย เป็นการเชื่อมความสัมพันธ์ รู้สึกว่า ทุกคนพยายามเข้าใจถึงวัฒนธรรมของกันและกัน เรียนรู้วัฒนธรรมของกันและกัน สร้างรอยยิ้ม สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจให้กันและกันเพิ่มมากขึ้น ต้องขอเป็นกำลังใจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ขอบคุณที่ยังคอยอยู่เคียงข้างกัน
แม้บรรยากาศเดือนรอมฎอนจะเงียบเหงากว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากการ แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 แต่หากเราทุกคน ต่างมอบกำลังใจให้กันและกัน จากจุดเล็ก ๆ ในหน่วยทหาร สู่ธารน้ำใจสู่พี่น้องประชาชนในหมู่บ้าน เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน ทหารเป็นที่พึ่งของประชาชนในทุกโอกาส เราจะก้าวข้ามผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน