เลขาฯ สมช. เผย คลายล็อกเปิดห้างเกือบทุกแผนก เว้นกิจกรรมที่มีความเสี่ยง และ 3 ทุ่มต้องปิด แย้มเป็นไปไม่ได้ลดเคอร์ฟิวเป็น 5 ทุ่ม ย้ำผู้ติดเชื้อลด แต่วางใจไม่ได้ หวั่นระบาดระลอก 2 ใช้ความระวังคลายล็อก
วันนี้ (14 พ.ค.) พลเอก สมศักดิ์ รุ่งสิตา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เปิดเผยภายหลัง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรียกประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือ ศบค. ชุดเล็ก เพื่อนำมติที่ประชุมคณะกรรมการเฉพาะกิจ พิจารณาผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (โควิด-19) ในครั้งที่ 1/2563 เมื่อวานนี้ รายงานต่อนายกรัฐมนตรี ว่า การประชุมในวันนี้ ถือว่าไม่ใช่การประชุมที่เป็นทางการแต่อย่างใด ซึ่งตนนั้นประชุมตั้งแต่เมื่อวานนี้
ซึ่งทิศทางการคลายล็อกเป็นไปตามที่สื่อมวลชนนำเสนอไปบ้างแล้ว โดยการเปิดห้างสรรพสินค้าอาจมีการปิดบางแผนก แต่ส่วนใหญ่จะเปิดหมดเกือบทุกกิจการภายในห้างสรรพสินค้า เว้นแต่กิจกรรมที่มีความเสี่ยง อย่างโรงภาพยนตร์ คาราโอเกะ ตู้เกม โรงเรียนกวดวิชา ที่ต้องสั่งห้ามเปิดไปก่อน และทางห้างสรรพสินค้าต้องปิดภายในเวลา 21.00 น.
ส่วนการประกาศลดเวลาเคอร์ฟิวนั้น พลเอก สมศักดิ์ ระบุว่า ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการร้องขอของผู้ประกอบการ แต่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ศบค. ซึ่งในวันพรุ่งนี้ นายกรัฐมนตรีจะพิจารณาอีกครั้งในที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ ซึ่งการปรับเวลาเคอร์ฟิวจะปรับตามกิจกรรมหรือกิจการที่คลายล็อกออกมาเป็นตัวตั้ง ซึ่งจะไม่มากไปกว่าเดิม
ทั้งนี้ พลเอก สมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า มีโอกาสเป็นไปได้ที่จะเลื่อนขยายประกาศเคอร์ฟิว จาก 22.00-04.00 น. เป็นเวลา 23.00 -04.00 น.แต่ท้ายที่สุด ต้องรอความคิดเห็นในที่ประชุมก่อน ซึ่งผลที่ออกมาจะเป็นบวกอย่างแน่นอน และเคอร์ฟิวเองจะไม่เข้มข้นไปกว่าเดิม
ซึ่งขณะนี้เองยังคงห่วงสถานการณ์ แม้ว่าจำนวนผู้ติดเชื้อจะลดน้อยลง แต่ยังไม่สามารถวางใจได้ เนื่องจากมีอีกหลายประเทศหลังการคลายล็อกจะมีการติดเชื้อในระลอกที่ 2 ซึ่งจะยิ่งยากต่อการควบคุม โดย ศบค.เองจะค่อยๆ คลายล็อกในแต่ละเฟสด้วยความระมัดระวังที่สุด รวมไปถึงยังห่วงประชาชนหลังการคลายล็อกในเรื่องความหย่อนยานมาตรการป้องกันตนเอง และการมั่วสุมชุมนุมกัน ซึ่งทางเจ้าหน้าที่เองจะลงไปตรวจเข้มมากขึ้น ทั้งในกรุงเทพมหานคร และพื้นที่ต่างจังหวัด เพราะสถิติที่พบไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนั้นยังคงมีอยู่ แต่ยังเชื่อว่าส่วนคนส่วนใหญ่ในประเทศให้ความร่วมมือดี จึงต้องมีการผ่อนปรนมาตรการลง
ด้านการเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัดจะยังเข้มข้นเช่นเดิมหรือไม่ จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาคลายล็อกในกิจการต่างๆ วันพรุ่งนี้มาพิจารณาร่วมเช่นกัน ว่าจะคงเดิมหรือผ่อนคลายลง