สหภาพฯ กฟภ. จ่อถาม “บอร์ดสหกรณ์ กฟภ.” ขอความมั่นใจ กระแสซื้อหุ้นกู้การบินไทย 2.8 พันล้าน หวั่นสร้างความวิตก ให้สมาชิกไม่ไว้วางใจ หลังพบมีสมาชิกบางส่วน กลุ่มเกษียณอายุ ที่ยังมีหุ้นอยู่ขอถอนเงินกว่า 10 ล้านบาท
วันนี้ (13 พ.ค.) มีรายงานจากสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สำนักงานใหญ่ เปิดเผยว่า เมื่อช่วงบ่ายวันนี้ มีการประชุมของคณะกรรมการบริหาร และกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์พนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เพื่อเตรียมจะออกแถลงการณ์ชี้แจงกับสมาชิกสหกรณ์ทั้งหมด โดยเบื้องต้นกรรมการสหกรณ์ ได้แจ้งกับตัวแทนสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) รับทราบเกี่ยวกับสถานการณ์ของสหกรณ์ในการลงทุนซื้อหุ้นกู้ จากกรณี สหกรณ์ออมทรัพย์พนักงาน กฟภ. ซื้อหุ้นกู้จากบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) 2,860 ล้านบาท
จากข้อมูลที่แจ้ง สหกรณ์ กฟภ. ได้นำเงินไปลงทุนซื้อหุ้นของบริษัท การบินไทย มีการซื้อตั้งแต่ปี 2555 และไม่ได้ซื้อสัญญาเดียว แต่มีการซื้อรวมกันกว่า 10 สัญญา และบางสัญญาใกล้จะครบสัญญาแรก ซึ่งจะมีการคืนดอกผล และหุ้นที่ซื้อ ในช่วงเดือน ก.ย.- พ.ย. 2563 ประมาณ 500-600 ล้าน
โดยจากวิกฤตดังกล่าวของบริษัท การบินไทย สิ่งที่กระทบคือ เรื่องของดอกผล แต่เรื่องของตัวเงินต้นไม่ได้กระทบ และจะได้รับเงินคืนจากการที่นำไปลงทุน แต่ สหกรณ์ กฟภ. ก็เข้าใจเรื่องสถานะวิกฤตที่รุมเร้าของบริษัท การบินไทย ซึ่งผู้บริหารมีมาตรการและการประเมินความเสี่ยง เพื่อชี้แจงไปยังพนักงาน กฟภ.เป็นลำดับ
นอกจากนี้ ประธานสหภาพฯ กฟภ. จะทำหนังสือแจ้งไปยังกรรมการสหกรณ์ เพื่อให้ลงมายืนยัน สร้างความมั่นใจแก่สมาชิกที่เป็นผู้ถือหุ้น ซึ่งมีความวิตกกังวลพอสมควรเกี่ยวกับความไม่ไว้วางใจ ความไม่มั่นใจในเหตุการณ์ดังกล่าว และมีสมาชิกบางส่วนมาขอถอนเงินจากสหกรณ์ กว่า 10 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่พบว่าเป็นคนที่เกษียณอายุแล้วแต่ยังมีหุ้นอยู่
อย่างไรก็ตาม ทางสหกรณ์และตัวกรรมการสหกรณ์ ที่เป็นตัวแทนของสหภาพฯ พยายามชี้แจงกับทางสมาชิก ว่า ในกรณีอย่างนี้ ถ้าทุกคนทำเช่นนี้ทั้งหมดไม่ใช่จะกระทบเพียงแค่บริษัท การบินไทย แต่จากกระทบองค์กรเองด้วย โดยทางกรรมการสหกรณ์ ได้มีการยกตัวอย่างกรณีการเกิดวิกฤตต้มยำกุ้ง เมื่อปี 2540 สถาบันการเงินล้มหมด แต่สหกรณ์ไม่ล้ม และ กฟภ.ยังมีการบริหารจัดการที่ดีและมั่นคง ที่สร้างความมั่นใจแก่สมาชิกไว้ในระดับหนึ่ง.
