โฆษก ศบค.แถลงแย้มผ่อนปรนระยะ 2 “ร้านนวดไทย-สถานเสริมความงาม-สนามกีฬาแบบทีม ไม่มีผู้ชม” รอ ศบค.ชุดใหญ่ เคาะ 15 พ.ค.นี้ รับอิ่มอกอิ่มใจโครงการตู้ปันสุขผุดขึ้นหลายจังหวัด
วันนี้ (11 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงว่า สถานการณ์ของประเทศไทยมีผู้ป่วยรายใหม่ 6 ราย ยอดผู้ป่วยสะสม 3,015 ราย หายป่วยสะสม 2,796 ราย ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม อยู่ระหว่างรักษาตัว 163 ราย สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ 6 ราย รายที่ 1 เป็นเด็กชายไทย อายุ 6 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ใน จ.นราธิวาส มีประวัติสัมผัสผู้ยืนยัน โดยไปเฝ้าพ่อที่ป่วยที่โรงพยาบาล ส่วนรายที่ 2-5 เป็นผู้ป่วยที่พบใน จ.ภูเก็ต ตามที่มีการรายงานอย่างไม่เป็นทางการเมื่อวันที่ 10 พ.ค. โดยรายที่ 2 เป็นชายไทย อายุ 19 ปี มีประวัติเดินทางไปสถานที่ชุมชน รายที่ 3 เป็นชายไทย อายุ 29 ปี เป็นตำรวจ รายที่ 4 เป็นหญิงไทย อายุ 23 ปี อาชีพพนักงานบริษัท ไปพบลูกค้าในบางโอกาส รายที่ 5 เป็นหญิงไทย อายุ 29 ปี อาชีพพนักงานในร้านค้า และรายที่ 6 เป็นชายไทยอายุ 22 ปี มาจากการค้นหาเชิงรุกใน จ.ยะลา ซึ่งสัมผัสผู้ป่วยยืนยันที่กลับมาจากมาเลเซีย จะเห็นว่าผู้ป่วยรายที่ 2-6 เป็นกลุ่มอายุที่มีความเสี่ยงสูง จึงขอให้ระมัดระวังการเดินทางไปไหนมาไหน
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า สำหรับสถานการณ์ผู้ติดเชื้อทั่วโลก 4,180,305 ราย เสียชีวิต 283,860 ราย ขณะที่ประเทศจีนล่าสุดพบผู้ป่วยรายใหม่ 17 คนในวันเดียว โดยเป็นผู้ป่วยรายใหม่ในมืองซูหลาน มณฑลจี๋หลิน 11 คน ทำให้พื้นที่ดังกล่าวต้องยกระดับภัยคุกคามจากการระบาดทั้งที่ประเทศจีนเพิ่งผ่อนคลายทั่วประเทศได้ไม่กี่วัน เป็นบทเรียนที่เราต้องเฝ้าดู นอกจากนี้ ในวันที่ 11 พ.ค.จะมีคนไทยกลับจากอินเดีย 219 ราย ญี่ปุ่น 71 ราย และในวันที่ 12 พ.ค. จากรัสเซีย 99 ราย ภูฏาน 1 ราย และสหรัฐอเมริกา 200 ราย ส่วนผลการปฏิบัติงานด้านความมั่นคงช่วงเคอร์ฟิวคืนวันที่ 10 พ.ค.ต่อเนื่องเช้าวันที่ 11 พ.ค. มีผู้ฝ่าฝืนออกนอกเคหสถาน 597 ราย น้อยกว่าคืนก่อน 70 ราย ชุมนุมมั่วสุม 89 ราย น้อยกว่าคืนก่อน 58 ราย พบว่าการดื่มสุราเป็นการกระทำผิดอันดับหนึ่ง หรือ 55% ขณะที่การตรวจกิจการ/กิจกรรมที่ได้รับการผ่อนปรนประจำวันที่ 10 พ.ค. ตรวจทั้งสิ้น 18,512 แห่ง ปฏิบัติตามมาตรการ 18,063 แห่ง แต่ในจำนวนนี้เป็นผู้ปฏิบัติตามมาตรการ แต่ปฏิบัติไม่สมบูรณ์ 5,644 แห่ง หรือ 30.49% ต้องเข้าไปแนะนำให้เขาทำให้ดีขึ้น ส่วนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ 449 แห่ง หรือ 2.37% น้อยกว่าเมื่อวันที่ 10 พ.ค.
เมื่อถามถึงกรณีมีการทำข้อมูลกิจการ/กิจกรรมที่จะได้รับการผ่อนปรนในระยะที่ 2 มาเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย ทาง ศบค.สามารถเปิดเผยสถานประกอบการที่จะได้รับการผ่อนปรนได้หรือไม่ว่า มีอะไรบ้าง นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า ได้มีการพูดคุยกันในระดับผู้บริหาร ทั้งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และรองผู้บัญชาการทหารสูงสุด (รอง ผบ.ทสส.) แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจน ยังไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องรอวันที่ 15 พ.ค.ที่จะมีการประชุม ศบค.ชุดใหญ่ แต่วันนี้ขอประกาศอย่างไม่เป็นทางการไปก่อนเพื่อให้ผู้ประกอบการเตรียมตัว แบ่งเป็น 3 ประเภทกิจการ/กิจกรรม โดยกิจการ/กิจกรรมประเภทที่ 1 ด้านเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน ได้แก่ ก.การจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในภัตตาคาร สวนอาหาร ศูนย์อาหาร โรงอาหาร ร้านอาหาร เครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศครีม ภายในอาคารสำนักงาน ข.ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตีมอลล์ ยกเว้นโรงภาพยนตร์ ฟิตเนส ลานโบว์ลิ่ง สวนสนุก สวนน้ำ ศูนย์ประชุม ศูนย์พระเครื่อง สนามพระ และพระบูชา ค.ร้านค้าปลีก ค้าส่งอื่นๆ ง.ร้านเสริมสวย (ย้อมผม ดัดผม หรือกิจกรรมอื่นๆ ภายในเวลาไม่เกิน 2 ชั่วโมง และร้านทำเล็บ)
กิจการ/กิจกรรมประเภทที่ 2 เกี่ยวกับกิจกรรมออกกำลังกายหรือการดูแลสุขภาพ ได้แก่ ก.คลินิก เวชกรรมเสริมความงาม สถานเสริมความงามและควบคุมน้ำหนัก ข.สนามกีฬา เฉพาะกีฬากลางแจ้งตามกติกาสากล เล่นเป็นทีมไม่มีผู้ชม ค.สวนดอกไม้ สวนพฤกษศาสตร์ พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ห้องสมุดสาธารณะ (เข้าเป็นรายคน) ง.สถานประกอบการนวดแผนไทย (เฉพาะนวดเท้า) และกิจการ/กิจกรรมประเภทที่ 3 เกี่ยวกับกิจกรรมอื่นๆ คือการประชุม ณ สถานที่ภายในหรือภายนอกองค์กร ลักษณะการบรรยายร่วมกับวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (จำกัดจำนวนคนตามพื้นที่) ทีมถ่ายทำรายการโทรทัศน์ โฆษณา ถ่ายแบบ ทำคลิป (ไม่เกิน 5 คน) ขอย้ำว่านี่เป็นร่าง ยังไม่นิ่ง สามารถเปลี่ยนแปลงได้ โดยเราจะดึงกิจการ/กิจกรรมความเสี่ยงต่ำเข้ามาก่อน ขอให้ผู้ประกอบการไปเตรียมตัวเพื่อให้ผู้รับบริการมั่นใจว่าจะไม่มีติดเชื้อ
นพ.ทวีศิลป์กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เป็นความอิ่มอกอิ่มใจที่ได้เห็นโครงการตู้ปันสุขหรือตู้ลักษณะเดียวกันในชื่ออื่นๆ ที่มีการตั้งกันเพียงไม่กี่วันแล้วกระจายกันไปทั่วประเทศ ครอบคลุมแล้ว 43 จังหวัด เป็นปรากฏการณ์ที่คนไทยด้วยกันให้ความรัก แบ่งปัน มีน้ำใจให้กัน อยากเห็นภาพแบบนี้ยั่งยืนตลอดไป เชื่อว่าจะปรากฏครบทั้ง 77 จังหวัด