“สุภรณ์ อัตถาวงศ์” เดือด “เสรีพิศุทธ์” กล่าวหารัฐบาลสอบตกบริหารวิกฤตโควิด โวทุกมาตรการ ประชาชนให้การสนับสนุนเป็นอย่างดี ซัดกลับอย่าเล่นการเมืองแบบเก่า น้ำเน่า เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น แต่ไม่พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น พร้อมเหน็บกรณีประกาศบริจาคเงินเดือนล้านกว่าบาท ถ้าทำด้วยใจบริสุทธิ์ ก็อนุโมทนาสาธุ แต่ถ้าสร้างภาพ ระวังแทนที่จะเป็นพระเอก อาจเป็นดาวร้ายแทน
วันนี้ (3 พ.ค. 63) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี กล่าวตอบโต้การให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ว่า มีหลายประเด็นที่อยากทำความเข้าใจกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ตนไม่ทราบว่า ในช่วงเดือนสองเดือนมานี้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ไปอยู่ที่ไหนมา ไม่ได้ติดตามข้อมูลข่าวสาร ว่า รัฐบาลภายใต้ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) ได้ควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัส ควบคู่ไปกับการเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการ “ล็อกดาวน์” ของรัฐ ใช้ทั้งงบกลาง มีการเกลี่ยงบจากทุกกระทรวงมาใช้จ่ายอย่างรัดกุม และมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ต้องเข้าใจว่า รัฐบาลออกพระราชกำหนด 3 ฉบับ ซึ่ง 1 ใน 3 ฉบับ คือ พระราชกำหนดให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อแก้ไขปัญหา เยียวยา และฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 พ.ศ. 2563 ซึ่งให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อรองรับการช่วยเหลือและเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และฟื้นฟู ดูแลเศรษฐกิจ ซึ่งครอบคลุมถึงการพัฒนาและยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่พระราชกำหนดอีก 2 ฉบับ เป็นการให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทยในการให้ soft loan หรือให้กู้แก่สถาบันการเงินในอัตรา 0.1% เพื่อให้สถาบันการเงินไปปล่อยสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือ SMEs ในอัตรา 2% วงเงิน 500,000 ล้านบาท และซื้อขายหน่วยลงทุนในกองทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพตราสารหนี้ภาคเอกชนเพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและรักษาการจ้างงาน วงเงิน 400,000 ล้านบาท โดยใช้แหล่งเงินจากธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลกู้เงินเพียง 1 ล้านล้านบาท ไม่ใช่ 1.9 ล้านล้านบาท ซึ่งการใช้งบประมาณต่างๆ ได้มีขั้นตอน โดยต้องผ่านกระบวนการขั้นตอนการควบคุมตรวจสอบอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรีกำชับหนักแน่นไม่ให้เงินเหล่านี้รั่วไหลไปไหน หรือปล่อยให้มีการทุจริตเด็ดขาดใครมาแสวงหากินบนความเดือดของประชาชนในยามนี้ จะดำเนินการตามกฎหมายอย่างเฉียบขาดขอให้มั่นใจได้
“การกู้เงิน 1 ล้านล้านบาทครั้งนี้ก็เพื่อจะนำไปใช้เยียวยาและรองรับหลังการระบาดของไวรัสสิ้นสุดลง เพื่อให้เศรษฐกิจฟื้นตัวโดยเร็วและให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดีขึ้น และการทำงานของรัฐบาลทุกอย่างได้รับการสนับสนุนจากประชาชนเป็นอย่างดี จะมาบอกว่ารัฐบาลสอบตกได้อย่างไร”
นายสุภรณ์ ยังกล่าวว่า ในฐานะผู้อาวุโส อยากให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เอาความจริงมาพูดกัน ไม่ต้องกลัวว่าหากรัฐบาล ควบคุมโควิดได้ดี จนวันนี้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเหลือแค่ 3 คน ประกอบกับการเยียวยา ได้วางกรอบเอาไว้ให้ครบทุกภาคส่วน ทั้งประชาชนและองค์กรภาคธุรกิจ รัฐบาลมีแผนงานในการกู้เงิน มีรายละเอียดพร้อมที่จะรายงานสภา เมื่อเปิดสภาแล้วจะนำ พ.ร.ก.เข้าสภาเพื่อขอความเห็นชอบจากสภาต่อไป ถึงวันนั้น พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มีข้อคาใจสงสัยอะไรใน พ.ร.ก.ก็ไปอภิปรายในสภาฯเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็เปิดสภาแล้ว เอาข้อกล่าวหาที่เลื่อนลอยของท่านไปว่ากันในสภาดีกว่าไหมครับ
“กรุณาอย่ามาตีกินแบบสไตล์เดิมๆ ของท่านเลย เล่นการเมืองแบบเก่าๆ กล่าวหาใส่ร้ายรัฐบาล พาดพิงท่านนายกรัฐมนตรี โดยไม่มีหลักฐานข้อมูลอะไร ผมว่าก็เป็นรูปแบบเก่าๆ ของนักการเมืองน้ำเน่าเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นไม่มีการพัฒนาคุณภาพตัวเองให้ดีขึ้นเลย ส่วนการที่ประกาศว่าจะเอาเงินเดือน ส.ส.ล้านกว่าบาทไปบริจาคคืนช่วยเหลือประชาชนนั้นผมขอชื่นชมด้วยใจจริงถ้าท่านตั้งใจเสียสละทำด้วยจิตที่เป็นกุศล ทำด้วยใจที่บริสุทธิ์ไม่หวังสร้างภาพให้ตัวเอง ก็ขออนุโมทนาสาธุๆ แต่ถ้าท่านทำด้วยการหวังสร้างภาพให้ตัวเองดูดี หวังให้สังคมยกย่องเชิดชูตัวเองก็คงไม่ได้บุญกุศลมากมายอะไร แทนที่จะเป็นพระเอก อาจตาลปัตรกลับกลายเป็นดาวร้ายมากกว่า เพราะประชาชนทุกวันนี้อ่านทางออก เดาใจถูก ประชาชนไม่ได้โง่มองนักการเมืองที่สร้างภาพเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นออกทุกคนครับ” นายสุภรณ์ กล่าว