“สุภรณ์” เผย ไม่เคยเห็นอะไรน่าขยะแขยงน่าเกลียดแบบยุคนี้ ถามหัวใจฝ่ายค้านฝ่ายแค้น หยุดพักการเมืองยามวิกฤตโควิด-19 อย่าเอาแต่ตำหนิ มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ ปลุกระดมให้เกลียดชัง รบ. ย้อนรักประเทศไทยหรือเปล่า
วันนี้ (1 พ.ค.) นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แสดงความเห็นว่า ตนเคยเป็นเด็กเดินตามผู้ใหญ่ทางการเมืองมาตั้งแต่ในยุคท่านอาจารย์หม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเข้าออกบ้านซอยสวนพลูหลายครั้งหลายครา ได้ฟังคำแนะนำทางการเมืองที่ดีจากบรมครูทางการเมืองจากอาจารย์หม่อม คึกฤทธิ์ จนกระทั่งผมมาทำงานเป็นผู้ช่วยดำเนินงาน ส.ส.ติดสอยห้อยตามท่าน พลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา หัวหน้าพรรคกิจสังคม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ในสมัยนั้น และเคยทำงานอยู่ใกล้ชิดผู้ใหญ่ทางการเมืองหลายรัฐบาล ประสบการณ์กว่าสามสิบปีบนถนนการเมืองของผม ผมไม่เคยเห็นอะไรที่น่าขยะแขยงน่าเกลียด น่ากลัวเหมือนในยุคนี้ ผมสงสัยว่า หัวใจของพวกท่านทั้งหลายบางคนใน “ฝ่ายค้านฝ่ายแค้น” ทำด้วยอะไร ท่านทำได้ทุกอย่าง ไม่มีความละอายแก่ใจตัวเอง “ความละอายต่อตัว เกรงกลัวต่อบาป” หามีไม่ โลกใบนี้กำลังเกิดภัยวิกฤตไวรัสร้ายที่รุนแรงกำลังทำลายโลกทั้งโลก กำลังกัดกินทำลายเศรษฐกิจและเข่นฆ่าประชาชนอย่างย่อยยับ แม้แต่ประเทศที่เป็นมหาอำนาจโลก ทั้งด้านกองทัพทางด้านเศรษฐกิจ ยังเอาไม่อยู่ สงครามไวรัสครั้งนี้ยิ่งใหญ่หนักกว่าสงครามโลกด้วยซ้ำไป ถ้าโลกใบนี้ต้านกำลังเอาไม่ไหวก็ต้องตายกันล้างโลก ประเทศไทยเราไม่ได้เป็นมหาอำนาจด้านกองทัพ ไม่ได้เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจะเปรียบเทียบเท่ากับประเทศใหญ่ๆ เหล่านั้นไม่ได้เลย
แต่ทำไมประเทศไทยเราจึงแก้ปัญหาสู้กับโควิดร้ายนี้ได้ จนยอดผู้ป่วยผู้ติดเชื้อลดลงมาเหลือเลขหลักเดียวติดต่อกันมาหลายวัน เหลือผู้ป่วยนอน รพ.หลักร้อย รักษาหายกลับบ้านได้หลายพันคน นานาชาติต่างชื่นชมยินดี กับความสำเร็จของประเทศไทย ชื่นชมผู้นำไทย รัฐบาลไทย ทีมแพทย์ไทย ตลอดจนผู้ร่วมกันต่อสู้ทุกภาคส่วน จนทำให้เมืองไทยได้ขึ้นเป็นประเทศชั้นนำในการจัดการกับไวรัสโควิด-19 เสียงปรบมือเสียงชื่นชมเสียงยกย่องจากทั่วโลก ส่งสัญญาณมาถึงหูของพวกเราชาวไทย เราคนไทยทุกคนปลื้มใจ จนอดยิ้มอดภาคภูมิใจกับเสียงยกย่องจากทั่วโลกไม่ได้ ชัยชนะอันใกล้นี้กำลังจะมาถึงแล้ว เป็นเพราะคนไทยมีความสามัคคีร่วมมือร่วมใจกันอย่างแท้จริง
แต่ผมก็อดสงสัยไม่ได้ว่า..ทำไมการเมืองในประเทศอื่นๆ เขานิ่งสงบ หยุดพักการเมืองเพื่อหันหน้ามาร่วมมือกันเพื่อรักษาลมหายใจให้ประชาชนของพวกเขา แต่อนิจจาประเทศไทย..ช่างน่าอนิจจัง ยังมีนักการเมืองที่ยังทำตัวเป็นฝ่ายค้านและฝ่ายแค้นรุมโถมเข้าใส่รัฐบาลตลอดเวลา โดยไม่มีจิตสำนึกว่า ในยามนี้ในเวลานี้ บ้านเมืองวิกฤตเช่นไร ต่างชาติยกย่องชื่นชมให้กำลังใจ แต่คนไทยกลุ่มนี้กลับคอยตำหนิติเตียนทำลายขวัญกำลังใจ สร้างเรื่องใส่ร้ายปลุกระดมผู้คนให้คอยเกลียดชังรัฐบาลตลอดเวลา เสมือนหนึ่ง “มือไม่พายแต่เอาเท้าราน้ำ” ตามสุภาษิตโบราณทุกประการ
“ท่านเห็นประเทศที่คนติดเชื้อเป็นล้านตายเป็นแสน ท่านลองหวนคิดว่าถ้าประเทศไทยคนไทยเป็นเช่นนั้น เราจะอยู่กันในสภาพอย่างไร หรือว่าท่านอยากเห็นคนไทยเป็นเช่นนั้นหรือ วันนี้ทีมแพทย์พยาบาลและทุกฝ่ายจับมือกันทำงานอย่างหนัก สามารถต่อสู้ฝ่าฟันจนใกล้จะชนะแล้ว พวกท่านก็ยังไม่หยุดเลิกเล่นเลิกตีกินทางการเมือง ยังไม่หยุดสร้างภาพ สร้างสถานการณ์ ใส่ร้ายป้ายสี ปั้นน้ำเป็นตัว กล่าวหา ชวนเชื่อปลุกระดมให้เกลียดชังรัฐบาลตลอดเวลาในภาวะวิกฤตเช่นนี้ ผมขอบอกตรงๆ ว่า อายแทนชาวโลก อยากถามสักคำว่า “ท่านรักประเทศไทย ท่านรักคนไทย ท่านมีหัวใจเป็นไทยอยู่หรือเปล่า หรือว่าท่านไม่ได้เกิดบนแผ่นดินนี้ครับ”