นายกฯ ออกตัวไม่ตอบการเมือง ชี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญช่วงโควิด-19 เผย 20 มหาเศรษฐีตอบจดหมายแล้ว สัญญาจะร่วมมือรัฐบาลดูแลคนไทย แย้มข้อเสนอตรงกัน ลั่นไม่มีฮั้ว-ให้เงิน สั่งจัดการเฟกนิวส์อย่าอ้างรู้เท่าไม่ถึงการณ์ไล่ไปพิสูจน์ในชั้นศาล
วันนี้ (28 เม.ย.) เมื่อเวลา 13.15 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าในส่วนการเมืองขออนุญาตไม่ตอบในช่วงนี้เพราะคิดว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ ช่วงนี้เป็นเรื่องการทำงานของเรามากกว่า ที่จะดูแลฟื้นฟูและจะคืนความสุขอะไรประชาชนได้บ้างตามระยะเวลาที่ได้กำหนดไว้ ที่ถามมาหลายเรื่องเป็นเรื่องการเมือง ตนขอไม่ตอบดีกว่า
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้เรื่องหลักๆ เป็นเรื่องของการต่อ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เรื่องการผ่อนปรน เรื่องอื่นที่ไม่เป็นประโยชน์หรือสร้างความบิดเบือนความไม่เข้าใจ คิดว่าอย่าพูดกันเลยดีกว่าในช่วงนี้ ต้องขอร้องไปยังประชาชนทุกภาคส่วน ถ้าเราช่วยกันมองเห็นเจตนารมณ์ของรัฐบาล ของ ครม. รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีทุกคน ที่มุ่งมั่นในการแก้ปัญหาประชาชน เราไม่สามารถดูแลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นพิเศษ เพราะต้องดูความเดือดร้อนเป็นหลักและดูสถานการณ์ด้านสาธารณสุขเป็นหลัก ขอขอบคุณ ครม.ทุกคนและทุกภาคส่วน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอีกว่า อีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะเรียนให้ทราบซึ่งหลายคนคงอยากทราบว่าเดินหน้าไปแล้วอย่างไร หรือว่าเลิกไปแล้ว ตนได้รับฟังความคิดเห็นจากธุรกิจเอกชนขนาดใหญ่ที่พูดไปแล้ว 20 ราย วันนี้ได้ทยอยส่งมาแล้ว ไม่เห็นมีใครจะมาให้เงินรัฐบาลเลย มีแต่เพียงบอกว่าเขาจะดูแลคนในห่วงโซ่ของเขาอย่างไร หางานให้ทำอย่างไร ลดการจ้างงานให้น้อยที่สุด และหาอาชีพเสริมให้ จนหลายคนกลัวว่าเมื่อถึงเวลาสถานการณ์ดีขึ้นจะไม่กลับมาทำงานตรงนี้เพราะไปค้าขายออนไลน์กันหมดแล้ว ตรงนี้ถือเป็นการช่วยในกลุ่มงานของเขาเอง อย่างไรก็ตาม เขายังได้เสนอแนะในเรื่องเศรษฐกิจต่างๆ มีความคิดเห็นค่อนข้างตรงกันโดยเฉพาะการบริหารจัดการน้ำที่ต้องทำให้เกิดความทั่วถึง เขาพร้อมที่จะช่วยเหลือตรงนี้ในการสนับสนุนประชาชนมีแหล่งน้ำ ไม่ว่าการขุดแหล่งน้ำต่างๆ ก็เป็นเรื่องของท่านที่จะดูแลประชาชน เขาสัญญาว่าจะดูแลประชาชนให้มากขึ้นเพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ลดปัญหาเชิงซ้อน และจะร่วมมือกับรัฐบาลต่อไปในอนาคต ที่ผ่านมาเขาก็ทำมามากพอสมควร ตนเพิ่งทราบหลายเรื่องเขาดูแลอยู่แล้ว แน่นอนว่ารัฐบาลไม่สามารถดูแลทุกคนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ จำเป็นต้องอาศัยภาคส่วนต่างๆ มาร่วมดูด้วย ดังนั้น ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาที่พวกเราต้องร่วมมือกันให้มากที่สุด
“วันนี้มันไม่ควรจะมีข้างกัน ควรจะเป็นข้างเดียวกันหมดเพื่อที่จะดูแลประชาชนคนไทยให้ดีที่สุด ให้สมกับความเป็นคนไทย สมกับอัตลักษณ์ความเป็นไทยที่มีน้ำใสใจคอเผื่อแผ่แบ่งปัน มีจิตสำนึก สิ่งที่เขาเสนอมาอีกอันหนึ่งที่มีความคิดเห็นตรงกับรัฐบาลโดยมองในมุมเดียวกันว่าโลกหลังจากนี้จะเปลี่ยนแปลงไปทุกภูมิภาค ทุกประเทศจะเปลี่ยนแปลงไปทั้งหมดในเรื่องการดำรงชีวิต และเรื่องต่างๆ เพราะทุกคนให้ความสำคัญต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น เราต้องสานต่อไปตามยุทธศาสตร์ที่มีอยู่เดิมทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ในการพัฒนาประเทศอย่างเต็มรูปแบบและสูงสุดในอนาคต หลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางซึ่งต้องอาศัยภาคธุรกิจเอกชนและประชาชนมีส่วนร่วมด้วยกันทั้งหมด คงไม่สามารถทำได้เพียงคนเดียว รัฐบาลจะออกมาตรการอะไรออกมาก็ตามถ้าไม่เห็นชอบ ไม่ร่วมมือ ก็จะไม่สำเร็จสักอัน ไม่ว่าใครจะทำอะไรก็แล้วแต่ แม้แต่ผมก็ไม่สามารถที่จะทำได้เพียงคนเดียว ฉะนั้นต้องขอบคุณบรรดาผู้ประกอบการธุรกิจขนาดใหญ่ 20 ท่านที่กรุณาเสนอข้อคิดเห็นที่เป็นประโยชน์มา และไม่มีใครมาร้องขอผลประโยชน์อะไรกับผมสักคน ไม่มีใครจะให้เงินรัฐบาลสักอย่าง เพราะผมคงไปรับเงินจากท่านไม่ได้ ไม่ได้มีการตอบแทนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน อันนี้ขออย่าไปรับฟังคำบิดเบือนต่างๆ” พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวอีกว่า หลายคนวันนี้ที่เห็นมีปัญหาคือเรื่องของเฟกนิวส์ ตนได้เน้นย้ำให้ทุกกระทรวงติดตามกรณีที่มีการแพร่คำพูดที่บิดเบือนต่างๆ จากข้อเท็จจริงไปจนทำให้เกิดผลกระทบในการทำงาน ตรงนี้ต้องใช้กฎหมายเข้าไปดูแล ไม่ใช่เป็นการไปละเมิดท่าน เพียงแต่ท่านละเมิดใคร ท่านก็ต้องถูกกฎหมายดำเนินการในเรื่องเฟกนิวส์ การให้คำบิดเบือนโดยมีกฎหมายปกติคือ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ กับหมิ่นประมาท แต่วันนี้อย่าลืมมี พ.ร.ก.ฉุกเฉินซึ่งมีข้อกำหนดอยู่แล้วในเรื่องนี้ ค่อนข้างจะแรงกว่ากฎหมายปกติ ฉะนั้นขอทุกคนระมัดระวังด้วย และสามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด จะเห็นว่าที่ผ่านมามีการจับกุมดำเนินคดีหลายรายการ หลายผู้ต้องหา และทุกคนพูดอย่างเดียวคือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ก็ต้องไปพิสูจน์ทราบตัวเองในชั้นศาล