เล่นอย่างนี้ใครไม่งงก็บ้า “ธนาธร” จัดหนัก “บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-วิษณุ” มัวเอาชนะการเมือง-รักษาอำนาจ ด้วยมุมมองอันหลุดโลก ขณะ “แก้วสรร” แม้ไม่ชอบนายกฯ “ลุงตู่” ยังออกปากชมและขอบคุณที่ออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (25 เม.ย. 63) เฟซบุ๊ก Thanathorn Juangroongruangkit - ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ
ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำคณะก้าวไกล โพสต์ข้อความระบุว่า
“...ผมคิดว่าการเมือง ชีวิตความเป็นอยู่ กับคุณภาพชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่แยกออกจากกันไม่ได้ มันเป็นเรื่องเดียวกัน ถ้าเรากลับมาทำให้การเมืองเป็นปกติไม่ได้ การผลักดันความเป็นอยู่ของประชาชนให้มีชีวิตที่ดีขึ้นก็เป็นไปไม่ได้ เพราะผู้มีอำนาจปัจจุบันใช้เวลาของพวกเขา ใช้เงินภาษีจากประชาชน ใช้อำนาจที่มีเพียงเพื่อทำลายหรือจัดการ เอาชนะกันทางการเมือง เพื่อรักษาอำนาจ เพื่อที่จะได้บริหารประเทศนี้ต่อ นี่คือ ปัญหาหลักเลย คุณคิดว่า คุณประวิตร คุณประยุทธ์ คุณวิษณุ เอาเวลากี่เปอร์เซ็นต์ไปบริหารประเทศ แล้วเอาเวลากี่เปอร์เซ็นต์ไปนั่งคิดว่าจะรักษาอำนาจเพื่อที่จะได้บริหารต่อไปยังไง
อำนาจเป็นเรื่องสำคัญ ถ้าคุณมีอำนาจ ทุกชั่วโมงที่คุณไม่ได้ใช้อำนาจนั้นเพื่อการตัดสินใจ คือ ทุกชั่วโมงที่สูญเสียโอกาสไป นี่คือ ความสำคัญของอำนาจ ถ้าคุณมีอำนาจเมื่อไหร่ คุณคือคนตัดสินใจ คนอื่นไม่มีอำนาจสั่งหรือตัดสินใจใช้อำนาจ ใช้งบประมาณ
ก่อนนี้อนุมัติโครงการนี้ไม่ได้ คุณเป็นคนเดียวที่ถืออำนาจ ถืองบประมาณไว้ แต่คุณไม่ใช้อำนาจเพื่อตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เหล่านี้ ประเทศก็ไม่เดินหน้า และนี่คือ ปัญหาของประเทศไทย สมาธิและพลังในการที่จะพัฒนาประเทศให้ดีขึ้นกว่านี้มันไม่มี คิดแต่ว่าจะเอาชนะ จะจัดการกันทางการเมือง นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราต้องทำให้ประเทศไทยกลับไปสู่สภาวะปกติ กลับไปสู่ประชาธิปไตย เหมือนอย่างที่ประเทศเจริญแล้วเป็นกัน...”
.
(อ่านบทสัมภาษณ์พิเศษของผมได้ที่เว็บไซต์คณะก้าวหน้า https://progressivemovement.in.th/article/interview/155/)
จากเรื่องที่เข้าใจยาก มาเรื่องที่เข้าใจง่าย โดยวันนี้เช่นกัน นายแก้วสรร อติโพธิ นักวิชาการด้านกฎหมาย เผยแพร่บทความเรื่อง “วันโน้น..วันนี้..วันหน้า” กับ โควิด-19 ผ่าน www.thaipost.net โดยมีเนื้อหาดังนี้
วันโน้น..
ปลายมีนาคมที่แล้ว ยอดผู้ติดเชื้อโควิดในไทยพาเส้นกราฟเงยหัวพุ่งสูงชัน เราต้องทำทุกอย่างที่จะหยุดไม่ให้ผู้ป่วยทะลักเต็มโรงพยาบาล อิตาลี หรือ นิวยอร์ก ที่หมอต้องเลือกรักษาเฉพาะคนที่ยังพอมีหวังเท่านั้น
การตัดสินใจประกาศภาวะฉุกเฉิน พร้อมมาตรการควบคุมโรค โดยรัฐบาลลุงตู่ นับว่าถูกที่ถูกเวลา ดึงเส้นกราฟลงมาได้อย่างเห็นชัดทันตา จนมาถึงวันนี้ยอดผู้ป่วยรายวันก็แตะที่ 15 คนเท่านั้น
แม้ผมจะไม่ชอบไม่ศรัทธานายกฯ ลุงๆ คนนี้สักเท่าใด ก็ต้องขอชมและขอบคุณในการตัดสินใจของท่านในวันโน้น
วันนี้..
การต่อสู้กับโควิดไม่ใช่มวยโบราณยุคโจหลุยส์ ที่ชกกันหลายสิบยกจนกว่าจะน็อก ต้องมีพี่เลี้ยงต้องคอยตะโกนเตือนอยู่ข้างเวทีว่าการ์ดอย่าตก ที่ถูกแล้วนั้นวันนี้คือวันแห่งการทำมาหากินกลับสู่ชีวิตปกติ เป็นมวยล้างตาที่พบกันอีกครั้งหนึ่ง ที่ชนะแพ้กันตรงที่ว่าเราจะสามารถสร้างกติกาให้ชีวิตนอกบ้านนั้นปลอดภัย และขณะเดียวกัน ก็พร้อมที่จะควบคุมโรคเสียแต่ต้นมือได้อย่างไร อย่าให้พลาดท่าจนถูกกรรมการนับเหมือนสิงคโปร์เขา ซึ่งก็น่าจะมีข้อพึงระแวดระวังกันดังนี้
1) พื้นที่เฝ้าระวังถ้าไม่ใช่เขตพิเศษ เช่น กรุงเทพฯ ปริมณฑล หรือ ภูเก็ต แล้วก็ควรหดตัวเหลือเท่าที่เป็นเมืองเป็นเขตเทศบาลเท่านั้น
2) มาตรการควบคุมระยะห่างทางสังคม ต้องคงไว้ในส่วนที่ไม่ใช่ความจำเป็นของชีวิตความเป็นอยู่และการทำงาน เช่น ผับ หรือ ศูนย์การค้า หรือสถานศึกษาระดับที่ใช้การบรรยายทางออนไลน์ทดแทนได้
3) รถไฟฟ้า, ลิฟต์ประจำอาคาร, ร้านอาหาร, ภัตตาคาร, ที่ทำงาน,โรงงาน, แคมป์คนงานก่อสร้าง ฯลฯ เหล่านี้ต้องมีกายภาพและระเบียบปฏิบัติที่ผ่านเกณฑ์มาตรฐานควบคุมโรคแล้ว ทั้งระยะห่างระหว่างบุคคล และการถ่ายเทระบายอากาศ
4) การเดินทางระหว่างจังหวัด ทั้งทางบกและทางอากาศ ผู้โดยสารต้องมาก่อนเวลาและผ่านการตรวจ Covid พร้อมลงทะเบียนที่อยู่-โทรศัพท์, และที่หมายปลายทางทุกครั้งไป
5) เมื่อให้ผู้คนออกจากบ้านได้อย่างนี้ ทีมงานตรวจสอบ ติดตาม และกักกันโรค ต้องตาไม่กะพริบ พร้อมเต็มที่ทั้งประเทศ เข้าถึงพื้นที่เสี่ยง หรือกลุ่มเสี่ยงได้ทุกเวลา อำนาจกักกันพร้อมบุคลากรและสถานที่รองรับ ต้อง 100%
6) การกำหนดเขตเฝ้าระวัง การได้มาและการใช้บังคับซึ่งมาตรการควบคุมโรคเหล่านี้ ต้องกระจายอำนาจไปยังจังหวัดและเทศบาลเป็นสำคัญ ภายใต้กรอบและคำแนะนำจากส่วนกลาง รวมทั้งการปรึกษาหารือประชาชนผู้เกี่ยวข้องเพื่อสร้างความเข้าใจและความยินยอม ให้เป็นเช่นวิถีชีวิตในชุมชนนั้นๆ ไปตลอดช่วงมวยล้างตาครั้งนี้
7) ความช่วยเหลือทั้งชาวบ้านและธุรกิจในระดับช่วยให้พอผ่านวิกฤตไปได้ ต้องครบถ้วนทั่วถึงให้ได้ในระยะนี้ เพราะแน่ชัดว่าการทำมาหากินช่วงที่เริ่มออกจากบ้านนี้ จะยังไม่ฟื้นตัวแน่นอน
วันหน้า..
การลงทุนเพื่อการทำมาหากินหลังโควิด ต้องเริ่มคิดและลงมือตั้งแต่วันนี้แล้ว ในสองปีที่หัวรถจักรเศรษฐกิจโลกาภิวัตน์ ทั้งอเมริกา, จีน, ยุโรป และ ญี่ปุ่น ต้องหมกมุ่นอยู่กับการฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในของตนเช่นนี้ เราจะปรับตัวเพื่ออยู่กับเศรษฐกิจใหม่ของโลกนี้อย่างไร ทั้งเกษตร อุตสาหกรรม และบริการของไทย จะมีโฉมหน้าใหม่อย่างไร นี่คือ วันหน้าที่จะต้องเริ่มจากวันนี้ทั้งสิ้น
จริงหรือไม่ว่า..แนวทางเศรษฐกิจข้ามชาติแบบโลกาภิวัตน์ ที่เที่ยวที่เอา Supply chain ไปฝากไว้ตามประเทศต่างๆ ที่มีต้นทุนแรงงาน และสิ่งแวดล้อมราคาถูกนั้นได้สิ้นสุดลงแล้ว การทำตนเป็นเช่นนิคมอุตสาหกรรมของธุรกิจข้ามชาตินั้น จึงไม่อาจเป็นความหวังของเศรษฐกิจไทยอีกต่อไปแล้ว
จริงหรือไม่ว่า..ธุรกรรมในเศรษฐกิจใหม่ของโลก จะเป็นดิจิทัลเต็มตัวเหมือนกับที่เห็นกันในแพลตฟอร์มของ Amezon หรือ Atomy แนวทางพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ในอนาคต จึงต้องทำโดยการสร้างกลุ่มการผลิตที่เข้มแข็งครบวงจร ( Cluster) ขึ้นในภูมิศาสตร์เศรษฐกิจของตน เพื่อเข้าแลกเปลี่ยนสินค้าในโลกใหม่อย่างแข็งขันไปตลอด ถ้านี่คืออนาคตของโลก ไทยเราจะเลือกและพัฒนากลุ่มการผลิตใดเพื่ออยู่ในโลกหน้านี้
จริงหรือไม่...ที่การท่องเที่ยวของโลกจากจะต้องขายกันเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัล เป็นแพกเกจของกลุ่มการผลิตต่างๆ ที่ผู้ซื้อจะต้องผ่านเข้าประเทศด้วยพาสปอร์ตสุขภาพ ระหว่างประเทศด้วย ถ้านี่คืออนาคต ภูเก็ตควรจะถูกนำเสนอให้เป็นสินค้าเช่นใดในตลาดท่องเที่ยวแบบนี้
จริงหรือไม่.. ที่โลกได้เริ่มเปลี่ยนไปแล้วตั้งแต่ วันโน้น มาจนถึงวันนี้ และเปลี่ยนต่อไปอีกจนวันหน้า นี่คือ ความเปลี่ยนแปลงอันเป็น Present perfect continuous tense ที่จะให้เราหลับตาหัวหดอยู่ในบ้าน ด้วยความหวาดกลัว Covid แล้วพอลืมตาขึ้นมา เราก็กลายเป็นประเทศที่หลงทางกระเซอะกระเซิง เช่นนั้นหรือ??
แน่นอน, หากเทียบโพสต์ของ นายธนาธร กับ อาจารย์แก้วสรร จะเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนว่า อะไรสร้างสรรค์ อะไรไม่สร้างสรรค์ อย่างที่ไม่จำเป็นต้องอธิบายซ้ำ
เพราะเรื่องการแก้ปัญหาโควิด-19 ของลุงตู่ ที่ทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิต ผู้ป่วย และผู้ติดเชื้อลดลงอย่างมาก และได้รับคำชมจากประเทศที่พัฒนาแล้วหลายประเทศ ว่า การรับมือกับโควิด 19 ของรัฐบาลไทยและระบบสาธารณสุขไทย ทำได้ดี และน่าเอาเป็นตัวอย่าง
ที่สำคัญ อาจารย์แก้วสรร พูดแล้วว่า ความสำเร็จครั้งนี้มาจากการออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลลุงตู่ อย่างถูกที่ถูกเวลา ทำให้ตัวเลขต่างๆ ลดลงอย่างเห็นได้ชัดมาจนถึงวันนี้
เรื่องทั้งหมด อาจารย์แก้วสรร ถึงไม่ชอบนายกฯ ลุงตู่ ก็ตาม แต่ก็สัมผัสได้ถึงผลงานที่ทำได้ดี จนต้องเอ่ยปากชมและขอบคุณรัฐบาล
แต่ที่เหลือเชื่อคือ รัฐบาล “ลุงตู่” ไม่มีดีอะไรเลย ในความคิดเห็นของนายธนาธร และยังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่รู้เรื่องที่เขาพูดกันทั้งบ้านทั้งเมืองในแต่ละวันเอาเสียเลย? โผล่มาก็โพสต์เล่นเกมการเมืองทันที
คิดเอาเองก็แล้วกัน ถ้าจะฝากความหวังของประเทศเอาไว้กับคนที่คิดได้แค่นี้ และใครควรสิ้นหวังกับใคร!?