“วิสา คัญทัพ” คนเดือนตุลา กวีเสื้อแดง ป่วยหนักจากโรค “พาร์กินสัน” อยู่ในสภาพช่วยตัวเองไม่ได้ “จุ๋ง-ไพจิตร” เผยน้ำหนักลดฮวบ 18 กิโล ยิ่งช่วงวิกฤตโควิด 19 ยิ่งลำบาก อยากไปหาหมอก็ต้องทน อาการเกินคาดเดา ว่าจะพัฒนาทางใด
น่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง วันนี้ (24 เม.ย. 63) เฟซบุ๊ก Visa Khanthap นายวิสา คัญทัพ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน กวีเสื้อแดง ผู้ลี้ภัยคดีความมั่นคง โพสต์ข้อความระบุว่า
“จุ๋งเล่าเรื่องอาการป่วยของผม
ให้เพื่อนมิตรที่รักและห่วงใยได้รับทราบกันครับ
เธอดูแลผมเป็นอย่างดีในยามยากลำบาก”
ทั้งนี้ เฟซบุ๊ก Jung Paichit (นางไพจิตร อักษรณรงค์ อดีตนักร้องดัง อดีตข้าราชการการเมืองตำแหน่งประจำสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ภรรยา “วิสา คัญทัพ”) อยู่กับ Visa Khanthap โพสต์ข้อความก่อนหน้านี้ว่า
“สวัสดีค่ะ มีหลายคนที่คิดถึงและห่วงใยเราทั้งสอง โดยเฉพาะจะถามกันมาเยอะมากถึงอาการป่วยของพี่วิสาว่าเป็นอย่างไรบ้างตอนนี้ ซึ่งจุ๋งไม่สามารถที่จะเขียนตอบได้ครบทุกคน เลยขอมาอธิบายอาการพี่วิสาให้รับรู้ไปพร้อมกันตามนี้นะคะ
3 ปีกว่าที่พี่วิสาป่วยเป็นพาร์กินสันก็ไปหาหมอ เพื่อรักษาอาการสั่นมาเป็นระยะ แต่คนที่เป็นโรคนี้หมอบอกยังไงก็รักษาไม่หายขาด ต้องกินยาไปตลอดชีวิตเพื่อควบคุมอาการ แต่กินยามาก มากติดต่อกันมาหลายปี พี่วิสาก็ไม่ดีขึ้น ดูเหมือนจะแย่ลงด้วยซ้ำ บางครั้งก็หายใจไม่สะดวก ร่างกายเริ่มอ่อนแอ ไม่มีเรี่ยวแรง ปวดเมื่อยไปทั้งเนื้อทั้งตัว
พี่วิสาพยายามออกกำลังกาย ทานอาหารครบสามมื้อ แต่น้ำหนักตัวกลับลดลงจนน่าใจหายจาก 78 กิโล ตอนนี้เหลือแค่ 60 กิโลแล้ว ยิ่งตอนมีอาการสั่น พี่วิสาจะทำอะไรเองไม่ได้เลย เกินการคาดเดาว่าอาการจะพัฒนาไปในทางทิศใด
บางวันพี่วิสาก็บอกว่าไม่ไหว อยากไปหาหมอ แต่ช่วงนี้มีโควิด-19 ระบาดหนักเลยต้องอดทนเก็บตัวอยู่ในบ้าน กินยาตามหมอสั่งไปก่อน อาการก็เป็นตามนี้ ถ้ามีอะไรเพิ่มเติมจะมาแจ้งให้ทราบกันนะคะ ขอบคุณที่คิดถึงและห่วงใยเราค่ะ”...
อย่างไรก็ตาม มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับ “วิสา” และ “จุ๋ง-ไพจิตร” เมื่อปี 61 ซึ่งน่าจะเป็นช่วงปีแรกที่เริ่มป่วยนั่นเอง
กรณี นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ที่เพิ่งพ้นโทษหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเมื่อกลางปี 61 ได้โพสต์ข้อความผ่าน เฟซบุ๊ก Somyot Pruksakasemsuk ระบุว่า
“ขณะที่เขาเดินทางไปยุโรป และได้พบเจอกับ “วิสา คัญทัพ” มหากวีและเจ้าของบทเพลงเพื่อชีวิตที่โด่งดังในตำนาน ต่อสู้กับเผด็จการมาตลอดอายุขัย ตบท้ายด้วยเรื่องเศร้า เพราะขณะนี้ “วิสา คัญทัพ” ป่วยเป็นโรคพาร์กินสัน พักอาศัยอยู่ในเมืองโคโลญ เยอรมนี ต้องเผชิญกับการรักษาที่ยากลำบาก และยังใช้ชีวิตร่วมกับ “ไพจิตร อักษรณรงค์” ภรรยา ไม่ได้ออกไปไหน เพราะยังรอคอยสถานภาพผู้ลี้ภัย ต่อมา ทีมข่าวเจาะประเด็น ได้ประสานไปยังแหล่งข่าวใกล้ชิดที่เคยร่วมงานกับ “วิสา คัญทัพ” และ “ไพจิตร อักษรณรงค์” พร้อมตอบข้อสงสัย ในการขอความช่วยเหลือ
ทราบข่าวคราวเรื่องที่คุณ “วิสา คัญทัพ” ป่วย และต้องการขอความช่วยเหลือไหมคะ?
เราได้อัปเดตเรื่องราวกันตลอดกับทางคุณไพจิตร อักษรณรงค์ ภรรยาของคุณวิสา ก่อนหน้านี้ ทราบว่า คุณวิสา หกล้มลงด้วย จึงทำให้อาการกำเริบมากขึ้นไปกว่าเดิม ซึ่งทางคนสนิทรู้สึกเห็นใจ และไม่เคยคิดจะทอดทิ้ง เคยพยายามต่อสายประสานให้กลับมารักษาตัวในเมืองไทย แต่ยังไม่ได้รับการตอบกลับมาว่าเขาตัดสินใจอย่างไร
เรารู้ว่าการใช้ชีวิตในต่างแดนมันลำบาก และตัวเขาเองไม่ได้หนีแบบนั้น แต่เมื่อเขาตัดสินใจที่จะไม่ไปรายงานตัวต่อ คสช. เพราะรับระบบเผด็จการไม่ได้ การหนีจึงเหมือนจะเป็นหนทางที่ดีที่สุด ซึ่งเขาได้ตัดสินใจเอง เราก็ยอมรับในการตัดสินใจของเขา และยืนยันว่า ไม่เคยคิดทอดทิ้งให้ใครเดียวดายในยามลำบาก
ตอนอยู่เมืองไทย คุณ “วิสา คัญทัพ” เคยมีอาการเจ็บป่วยมาก่อน หรือมีโรคประจำตัวด้วยไหม?
คนใกล้ชิดทราบกันดีว่า คุณวิสา ดื่มเหล้าหนักมากตอนอยู่เมืองไทย แต่เราไม่ทราบว่าเขามีโรคประจำตัวอะไรหรือไม่ เพราะไม่เคยได้คุยกันถึงเรื่องนี้ ดูภายนอกปกติดี เวลาล่วงเลยมานาน อายุก็มากขึ้น โรคที่รุมเร้าก็น่าทวีความรุนแรง ประกอบกับสภาพภูมิอากาศของประเทศเยอรมนี ไม่เหมือนประเทศไทย ทางเรามีความเห็นใจและพยายามประสานช่วยเหลือทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ การตัดสินใจของเขา อยากบอกว่า คนสนิทที่ไทยไม่เคยคิดทอดทิ้งเลย
คุณวิสา บอกว่า ค่ารักษาพยาบาลที่นี่แพงมหาศาล และใช้ชีวิตลำบาก ขณะนี้ยังรอสถานะผู้ลี้ภัย?
เรารู้สึกเห็นใจมาก และพยายามช่วยเท่าที่ช่วยได้ เข้าใจในทุกความรู้สึก ขนาดคนไม่ป่วย หนุ่มสาวมีกำลัง พลังดีๆ ยังไม่สามารถอดทนอยู่กับสภาพแวดล้อมที่แปลกแยกจากเมืองไทย อยู่ที่ไหนก็คงไม่สุขใจเหมือนบ้านเกิดเรา ยิ่งคุณวิสา มีอายุที่เยอะแล้ว ต้องพักอาศัยล้อมรอบด้วยสังคมคนไม่รู้จัก มันทำให้สภาพจิตใจย่ำแย่เข้าไปอีก สังคมต่างแดนมันโหดร้ายมาก พวกเราเข้าใจดีและไม่เคยคิดทอดทิ้ง มีอะไรก็ประสานมาทางคนที่คุณวิสาสนิทที่สุดในเมืองไทย เชื่อว่า การขอความช่วยเหลือจะถึงกันหมด และเราจะยื่นมือเข้าไปทันทีเหมือนทุกครั้ง ในฐานะมิตรสหาย และคนไทยด้วยกัน...
สำหรับเส้นทางชีวิต “วิสา คัญทัพ” เริ่มต้นจากการเป็นผู้นำนักศึกษารามคำแหงต่อสู้เผด็จการ จนถูกลบชื่อออกจากมหาวิทยาลัย ทำให้มีการเคลื่อนไหวจนนำไปสู่การเรียกร้องรัฐธรรมนูญในปี 16 ถูกจับกุมเป็นหนึ่งใน 13 กบฏที่กลายเป็นการลุกขึ้นสู้ครั้งใหญ่ของประชาชน 14 ตุลาคม 16 ต่อมาปี 19 วิสา คัญทัพ ต้องหนีเข้าป่าแต่งเพลงสู้กับเผด็จการ ถึงพฤษภาทมิฬ 35 และพฤษภาเลือด 53 มีรายชื่อให้ไปรายงานตัวต่อคณะ ศอฉ. แต่ วิสา เลือกที่จะไม่ไปรายงานตัว ต้องหลบลี้หนีภัยไปต่างแดนในวัย 69 ปี ด้วยสังขารกำลังร่วงโรยเต็มทน...(ไทยรัฐออนไลน์
16 ต.ค.61)
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 14 พ.ค. 62 วิสา คัญทัพ ยังโพสต์กลอนผ่านเฟซบุ๊ก Visa Khanthap ระบายความอัดอั้นว่า
ยิ่งรู้ลึก ยิ่งปวดร้าว ยิ่งหนาวเหน็บ
ยิ่งจดจำก็ยิ่งเจ็บเก็บสะสม
ยิ่งคับแค้นคลั่งบ้าใช้อารมณ์
ยิ่งทรุดซม ร่างกาย ทำร้ายตัว
ถือเป็นข่าวร้ายสำหรับเพื่อนสนิทมิตรสหายของ “วิสา คัญทัพ” โดยเฉพาะสหายร่วมรบทางการเมืองทั้งหลาย แต่ไม่ว่าจะอย่าง “กำลังใจ” เป็นยาวิเศษเสมอ โดยเฉพาะกับคนที่กำลังต้องการอย่างยิ่ง อย่าง “วิสา คัญทัพ” ในเวลานี้