อดีตรองโฆษก ปชป.สงสัยใครดัมป์ราคา เทไข่ไก่จากห้องเย็นแถมส่งไข่เชื้อสู่ตลาด เชื่อมีวาระซ่อนเร้น หวังประโยชน์ยกเลิกห้ามส่งออก-ดันราคาลูกไก่พุ่ง ชี้จำกัดนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ ย้อนสู่บังคับซื้อลูกไก่พ่วงอาหารสัตว์ แนะนำเข้าเสรีไม่แทรกแซง
วันนี้ (23 เม.ย.) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้เขียนข้อความลงในเฟซบุ้กส่วนตัวเรื่องไก่กับไข่ อำนาจเหนือตลาดของทุนใหญ่ จะบีบก็ตายจะคลาดก็รอด มีเนื้อหาว่า 4-5 วันที่ผ่านมามีการพูดถึงปัญหาไข่ไก่ล้นตลาดสอดรับกันอย่างมีนัยสำคัญ แว่วมาว่าปัญหาไข่ไก่ล้นตลาดก็เพราะมีบางบริษัทนำไข่ในห้องเย็นและไข่เชื้อเข้าสู่ระบบตลาด จนทำให้เกิดปัญหาไข่ล้นระบบ ส่งผลให้ราคาไข่ไก่หน้าฟาร์มลดลงจาก 2 บาท 80 สตางค์ เหลือ 2 บาท 60 สตางค์ จากนั้นก็มีกระบวนการเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกมาตรการห้ามส่งออกไข่ไก่ตามติดมาทันที ถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติ จึงตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์กดดันให้กระทรวงพาณิชย์อนุญาตให้ส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศ เพราะคำสั่งห้ามส่งออกไข่ไก่ไปต่างประเทศจะครบกำหนดในวันที่ 30 เมษายนนี้ ไม่ให้มีการขยายเวลาออกไปอีกโดยอ้างว่ามีไข่ไก่ล้นระบบ ทำให้เกษตรกรได้รับความเดือดร้อนใช่หรือไม่ เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องเข้าไปสอดส่องดูแล ซึ่งกรมการค้าภายในควรมีข้อมูลที่ครบถ้วนเกี่ยวกับห้องเย็นของแต่ละบริษัทว่าสามารถเก็บไข่ไก่ไว้ได้จำนวนเท่าไหร่ ในระยะเวลาใด โดยควรมีการส่งรายงานไข่ไก่ในสต๊อกให้กรมการค้าภายในได้รับทราบเพื่อจะได้คำนวณปริมาณที่เหมาะสมได้อย่างถูกต้อง และป้องกันไม่ให้มีบริษัทใดฉวยโอกาสนำไข่ไก่ในห้องเย็นของตัวเอง มาเทสู่ระบบเพื่อกดดันราคา เพราะคิดว่าตัวเองมีอำนาจเหนือตลาด อีกทั้งต้องตรวจสอบและจัดการกับผู้ที่นำไข่เชื้อเข้าสู่ระบบไข่สดด้วย เพราะสามารถติดตามได้ไม่ยากเนื่องจากผู้มีไข่เชื้อคือผู้ที่มีพ่อพันธุ์แม่พันธุ์อยู่ในมือ ซึ่งในขณะนี้มีทั้งหมด 16 บริษัท โดยไข่เชื้อไม่เหมาะสมต่อการนำมาบริโภค เนื่องจากมีวัตถุประสงค์ในการผลิตและการเคลื่อนย้ายเพื่อการทำพันธุ์สัตว์ และไม่ได้ผ่านกระบวนการตรวจสอบในลักษณะของไข่สดเพื่อการบริโภค
“ผมมีข้อสงสัยว่า เหตุใดจึงมีการนำไข่เชื้อออกสู่ตลาดไข่ไก่สดเพื่อบริโภค ส่งผลให้ไข่ไก่ล้นระบบและยังทำให้ลูกไก่ขาดแคลน จนในขณะนี้ราคาพุ่งสูงถึง 26 บาทต่อตัว ทำให้เกษตรกรรายกลางได้รับความเดือดร้อนอย่างหนักเนื่องจากต้นทุนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่ผู้ได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้ คือบริษัทที่ต้องการส่งออกไข่ไก่และผลิตลูกไก่ขาย ภาวะการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องปกติแต่มีวาระซ่อนเร้นเพื่อฟันกำไร 2 ทาง ด้วยการยอมเจ็บนิดหน่อย เพื่อให้ได้ส่งออกไข่ไก่และด้นราคาลูกไก่ให้พุ่งสูงขึ้นด้วยใช่หรือไม่”
นายเชาว์ยังระบุว่า ในรัฐบาลอภิสิทธิ์ได้เปิดเสรีนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ ในปี 2553 เพราะในขณะนั้นมีการผูกขาดการนำเข้าพ่อพันธุ์แม่พันธุ์โดย 9 บริษัท จนทำให้เกษตรกรรายกลางและรายย่อยได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก ถูกบังคับให้ซื้อลูกไก่พ่วงอาหารสัตว์เหมือนซื้อเหล้าพ่วงเบียร์ ทำให้ราคาต้นทุนพุ่งสูงขึ้นจนส่งผลให้ราคาไข่ไก่เพิ่มขึ้นตามไปด้วย เดือดร้อนทั้งเกษตรกรและประชาชน เมื่อมีการเปิดเสรีนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ไก่ไข่ก็ทำให้กลไกตลาดทำงานตามปกติ ต่อมาเริ่มมีการจำกัดการนำเข้าพ่อแม่พันธุ์ในช่วงรัฐบาล คสช. โดยอ้างเหตุผลไม่ต้องการให้ไข่ไก่ล้นตลาด วัฏจักรปัญหาเดิมกลับมาซ้ำรอยอีก คือ ลูกไก่ราคาพุ่งสูงขึ้น ใครที่ต้องการลูกไก่ก็ต้องซื้ออาหารสัตว์ ควบคู่ไปด้วย เมื่อต้นทุนสูงขึ้น ปลายทางคือผู้บริโภคก็ต้องซื้อไข่ไก่แพงตามไปด้วย วงจรอุบาทว์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้นถ้าปล่อยให้กลไกตลาดทำงานได้ตามปกติ การเข้าไปแทรกแซงหรือบริหารจัดการของภาครัฐ ควรทำให้เกิดประโยชน์กับผู้บริโภคและให้เกษตรกรได้รับความเป็นธรรม ไม่ใช่ทำแล้วมีเพียงไม่กี่บริษัทที่ได้ประโยชน์ สุดท้ายเงินเข้าสู่กระเป๋าทุนใหญ่ ส่วนเกษตรกรรายกลางและรายย่อยต้องน้ำตาตก จึงอยากให้มีการทบทวนมาตรการที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ให้เกิดเศรษฐกิจที่เป็นธรรมในอุตสาหกรรมไข่ไก่