“สุชาติ” หนุนเปิดประชุมวิสามัญถก พ.ร.ก.กู้เงินฯ ตามขั้นตอน รธน.ที่ระบุต้องไม่ชักช้า เผย สภาฯมีความพร้อม-ห้องสุริยันใช้ได้ต้น พ.ค. ส่วนร่าง พ.ร.บ.โอนงบประมาณฯ ต้องดูว่า รบ.ทำประชาพิจารณ์ตาม ม.77 แล้วหรือยัง
วันนี้ (22 เม.ย.) ที่อาคารรัฐสภา นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 เป็นผู้รับมอบเครื่องสแกนใบหน้าและตรวจวัดอุณหภูมิ ยี่ห้อ HIP รุ่น CIF712 พร้อมอุปกรณ์ จาก นายสุรพล ธนวณิชย์สกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชอบใจโฮลดิ้ง จำกัด จ.ขอนแก่น ที่มอบให้แก่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เพื่อใช้ในการตรวจคัดกรอง ทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ตลอดจนบุคลากรของรัฐสภา สื่อมวลชน และประชาชนผู้มาติดต่อราชการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) โดยจะติดตั้งบริเวณทางเข้า-ออกอาคารรัฐสภา
นายสุชาติ เปิดเผยว่า แม้จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในไทย จะลดลงเรื่อยๆ แต่ยังไว้วางใจไม่ได้ เห็นได้จากหลายประเทศ ที่พอหย่อนมาตรการต่างๆ ลง เชื้อโรคก็กลับมาระบาดอีก จึงต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นในประเทศไทย และยังจำเป็นต้องวางมาตรการป้องกัน โดยเฉพาะบริเวณรัฐสภา ที่มีคนเข้าออกจำนวนมาก ที่ยังคงต้องเข้มงวด เพราะขณะนี้การแพร่ระบาดของเชื้อยังไม่หมดไป รวมทั้งเป็นการวางมาตรการเพื่อรองรับการเปิดสมัยประชุมรัฐสภาด้วย
ส่วนกรณีที่พรรคฝ่ายค้านเรียกร้องให้เปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อเร่งพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สำหรับการแก้ไขปัญหาและฟื้นฟูผลกระทบจากโรคโควิด-19 จำนวน 4 ฉบับ ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว รวมทั้งร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โอนงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ นั้น นายสุชาติ กล่าวว่า สภาฯมีความพร้อมในการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ ห้องประชุมใหญ่หรือห้องประชุมสุริยัน ก็ใกล้แล้วเสร็จ และจะสามารถใช้ได้ช่วงต้นเดือน พ.ค.นี้ โดยขณะนี้มีทั้ง พ.ร.ก.และร่าง พ.ร.บ.ที่ต้องรีบทำโดยไม่ชักช้า ตามรัฐธรรมนูญ เพื่อนำเงินจากส่วนต่างๆ มาช่วยเหลือเยียวยาประชาชน แต่การจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้หรือไม่นั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับประธานหรือรองประธานสภาฯ แต่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลจะเป็นผู้เสนอ หรือสมาชิกทั้ง 2 สภาเข้าชื่อร่วมกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ถ้าทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง ก็เปิดประชุมสมัยวิสามัญได้
นายสุชาติ กล่าวอีกว่า หากมีการเปิดประชุมสมัยวิสามัญ คงนำเรื่องเกี่ยวกับ พ.ร.ก.กู้เงินมาพิจารณาเป็นฉบับแรก ส่วนจะมีการหารือถึงปัญหาความเดือดร้อน หรือเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆ ก็สามารถทำได้ในลำดับถัดไป ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.การโอนงบประมาณจากหน่วยงานต่างๆ นั้น ยังไม่ทราบว่ารัฐบาลได้ดำเนินการทำประชาพิจารณ์สอบถามความเห็นจากประชาชนเรื่องผลกระทบต่างๆ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 แล้วหรือไม่ เพราะรัฐธรรมนูญระบุไว้ชัดเจน การจะเสนอกฎหมายใดๆ เข้าสภาฯต้องผ่านการทำประชาพิจารณ์ก่อน ส่วนระยะเวลาการพิจารณา พ.ร.ก. และร่าง พ.ร.บ.ต่างๆ จะใช้เวลากี่วันนั้น ยังไม่ได้มีการหารือ เพราะขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญได้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะไม่เปิดประชุมสมัยวิสามัญ โดยรอเปิดประชุมสภาฯตามปกติในวันที่ 22 พ.ค.นั้น คิดว่า การดำเนินการพิจารณากฎหมายคงไม่ช้า เพราะขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่นานจะเปิดประชุมสภาตามปกติ
