“สุชาติ” ชม “ก้าวไกล” เสนอเปิดสภาสมัยวิสามัญ ถกร่าง พ.ร.บ.โอนงบแก้โควิด-19 เป็นเรื่องดี แต่แนะศึกษาขั้นตอนเสนอ กม.ให้ละเอียด เหตุ รธน.กำหนดทำ “ประชาพิจารณ์” ก่อนเข้าสภา คาด รบ.ทำร่าง พ.ร.บ.โอนย้ายงบ เสร็จใกล้เคียงช่วงเปิดสมัยประชุมสามัญ 22 พ.ค. ยันวางมาตรการป้องกันโควิด-19 พร้อม
จากกรณีที่ พรรคก้าวไกล จะเสนอให้มีการเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กำหนดให้มีการโอนงบประมาณรายจ่าย ปีงบประมาณ พ.ศ.2563 เพื่อนำเงินงบประมาณบางส่วนมาใช้เพื่อการแก้ไขปัญหาและเยียวยาผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) นั้น
วันนี้ (15 เม.ย.) นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 กล่าวถึงข้อเสนอของพรรคก้าวไกล ว่า ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้แทนราษฎรมีความห่วงใยความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และนำเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาผ่านสภาผู้แทนราษฎร อย่างไรก็ตาม การขอเปิดประชุมสมัยวิสามัญนั้น ไม่ใช่อำนาจของประธาน หรือรองประธานสภา เป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาที่ต้องเข้าชื่อกัน 1 ใน 3 ของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ของ 2 สภา หรือรัฐบาลเล็งเห็นว่ามีความจำเป็นตามรัฐธรรมนูญ อีกทั้งยังต้องศึกษากระบวนการเสนอร่าง พ.ร.บ.โดยละเอียด เนื่องจากในมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันได้กำหนดไว้ว่า ก่อนการตรากฎหมายทุกฉบับ รัฐพึงจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของผู้เกี่ยวข้อง หรือทำประชาพิจารณ์เสียก่อน ซึ่งเท่าที่ติดตามขณะนี้กระบวนการของรัฐบาลยังไม่ถึงขั้นตอนดังกล่าว เพราะขณะนี้คณะรัฐมนตรีก็ยังไม่ได้มีมติอนุมัติร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าวออกมา และคาคว่าจะดำเนินกระบวนการต่างๆ แล้วเสร็จช่วงเดือน พ.ค. ซึ่งใกล้เคียงกับช่วงที่จะมีการเปิดประชุมสมัยสามัญในวันที่ 22 พ.ค. 63 อยู่แล้ว
นายสุชาติ กล่าวต่อว่า เช่นเดียวกับการเสนอร่างพระกำหนด (พ.ร.ก.) 3 ฉบับ ของรัฐบาล ในการแก้ไขผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะร่าง พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการเยียวยาและดูแลเศรษฐกิจ วงเงินไม่เกิน 1 ล้านล้านบาท ที่ถือว่ามีความจำเป็นเร่งด่วน และอยู่ในอำนาจของรัฐบาล ที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการนำขึ้นทูลเกล้าฯ และประกาศในราชกิจจานุเบกษา เพื่อมีผลบังคับใช้ จากนั้นก็ต้องมาพิจารณาตามมาตรา 172 วรรค 3 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ที่กำหนดว่า ในการประชุมรัฐสภาคราวต่อไป ให้ ครม.เสนอ พ.ร.ก.นั้นต่อรัฐสภาเพื่อพิจารณาโดยไม่ชักช้า ถ้าอยู่นอกสมัยประชุมและการรอการเปิดสมัยประชุมสามัญจะเป็นการชักช้า ครม.ต้องดำเนินการให้มีการเรียกประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาอนุมัติหรือไม่อนุมัติ พ.ร.ก.โดยเร็ว ตรงนี้ต้องดูว่าภายหลัง พ.ร.ก.มีผลบังคับใช้แล้ว จะถือเป็นการชักช้าหรือไม่ หากจะนำไปพิจารณาในช่วงเปิดประชุมสมัยสามัญวันที่ 22 พ.ค.นี้
นายสุชาติ กล่าวยืนยันด้วยว่า หากมีความจำเป็นเร่งด่วน สภาก็มีความพร้อมจะสนับสนุนรัฐบาลในการเปิดสมัยประชุมวิสามัญ โดยขณะนี้ได้วางมาตรการรักษาความปลอดภัยจากการแพร่กระจายของไวรัส และคัดกรองบุคคลผู้ที่เดินทางเข้าออกอาคารรัฐสภา ทั้งในกรณีที่ไม่มีการประชุม หรือการประชุมคณะกรรมาธิการ ตลอดจนการประชุมสมัยวิสามัญ หรือสมัยสามัญ ช่วงเดือน พ.ค.ไว้แล้ว เพื่อให้การทำงานของสภาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด หากสถานการณ์แพร่ระบาดยังไม่คลี่คลาย