xs
xsm
sm
md
lg

ไฟฟ้าเรียกระดมเครือข่าย ไม่สน พ.ร.ก.โควิด เพื่อตอบโต้ “สนธิ” ที่เปิดปม... “ชัชชาติ” ซัดอีกดอก คุ้ยฐานะ กฟผ.-กฟน.อึ้งกำไรสะสม 3.79 แสนล้าน **“ลุงตู่” เฉลย ทำจดหมายถึงมหาเศรษฐี ไม่ใช่ขอเงิน แต่ขอโครงการช่วยเหลือประชาชน ฝ่าวิกฤตโควิด-19

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ข่าวปนคน คนปนข่าว

**องค์กรข้าใครอย่าแตะ ไฟฟ้าเรียกระดมเครือข่าย ไม่สน พ.ร.ก.โควิด เพื่อตอบโต้ “สนธิ” ที่เปิดปม... “ชัชชาติ” ซัดอีกดอก คุ้ยฐานะ กฟผ.-กฟน. อึ้งกำไรสะสม 3.79 แสนล้าน บี้ไฟฟ้าปีนี้ห้ามมีกำไร ช่วยประชาชนก่อนทำได้มั้ย ?

ไฟฟ้าเป็นเรื่องใหญ่ พอมีคนมาเปิดประเด็นแทนประชาชนผู้ใช้ไฟทั่วทั้งแผ่นดิน น่าเสียดายที่การไฟฟ้า ทั้ง 3 องค์กร อย่าง การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จะรับฟัง กลับเห็นคนวืพากษ์วิจารณ์เป็นศัตรู

ขณะที่ คนเดือดร้อนกันทุกข์ยากแสนสาหัสอยู่นี้ แต่ก็ให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ในการ “เว้นระยะห่าง” หยุดเชื้อ เพื่อชาติกัน

แว่วว่า มีประกาศเรียกระดมพลกันในหมู่เครือข่ายรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้า ประปา และยา 6 องค์กร ที่เกี่ยวข้องกับสาธารณูปโภค กระจายไปตามสื่อ อ้างเหตุผล “สนธิ ลิ้มทองกุล” ผู้เปิดประเด็นค่าไฟแพง และทางแก้ ด้วยการไลฟ์สดในเพจคุยทุกเรื่องกับสนธิ ทำให้ประชาชนสับสน การไฟฟ้าถูกเกลียดชัง ขอให้ประธานฯทั้ง 6 องค์กร มาประชุมกันเพื่อหาทางตอบโต้ ในวันพุธที่ 22 เมษายน นี้ ที่สำนักงานใหญ่ กฟภ.

ฟังแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ กลุ่มคนเหล่านี้ “จิตสำนึกสาธารณะ” คงสะกดไม่เป็น เห็นแต่ประโยชน์ขององค์กร จนไม่คิดถึง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หรือ ประชาชนทั่วประเทศบ้างเลย หรือคิดด้วยอัตตา “องค์กรข้าใครอย่าแตะ” คุ้นเคยกับการตอบโต้ด้วยกฎหมู่ ต้องรวมพลัง ต้องระดมพล กดดันอยู่วิธีการเดียว

เอาเหตุเอาผลมาหักล้างกันก็ไม่มีใครว่า ถ้าสถานการณ์ปกติ ก็ต้องย้ำว่า ตอนนี้ไม่ว่าฝ่ายไหน ทุกภาคส่วนต้องคิด และหาทางแก้ไขปัญหาให้ประเทศ ให้ประชาชนเป็นตัวตั้ง ห่วงแต่องค์กรตัวเอง ไม่เสียสละ ไม่ยอมที่จะรับฟังเพื่อนำเอาไปปรับปรุงเปลี่ยนแปลง ทั้งๆ ที่ได้ชื่อว่าเป็นรัฐวิสาหกิจของรัฐและประชาชน

การไฟฟ้าทั้ง 3 ต้องเปิดใจให้กว้าง

ลองฟังหลายๆ คนสะท้อนดู ไม่ใช่แค่ “สนธิ” เท่านั้น

สนธิ ลิ้มทองกุล
ล่าสุด มาถึง “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” อดีต รมว.คมนาคม ฉายา “บุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดในปฐพี” โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็นกรณีดรามา “ค่าไฟแพง”

เนื้อความบอกว่า “เห็นมาตรการช่วยเหลือการลดค่าไฟให้ประชาชน กับข่าวความลำบากของประชาชนตอนนี้แล้ว เลยลองไปดูฐานะการเงินของหน่วยงานเกี่ยวกับไฟฟ้าของรัฐ ดูง่ายๆ ของกรุงเทพฯ ก่อนนะครับ

มีหน่วยงานหลักสองหน่วย การไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.) ผลิตไฟ ขายให้การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) แล้วมาขายให้ประชาชน

กฟผ. > กฟน. > ประชาชน

จากข้อมูลงบฯ ปี 2561 (งบฯปี 62 ของ กฟน.ยังไม่เห็นครับ)

กฟผ. กำไรเบ็ดเสร็จ 48,776 ล้านบาท กำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร 284,223 ล้านบาท

กฟน. กำไรเบ็ดเสร็จ 9,025 ล้านบาท กำไรสะสมที่ยังไม่จัดสรร 95,742 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายด้านพลังงานไฟฟ้า เป็นค่าใช้จ่ายของทุกครัวเรือน ในช่วงวิกฤตที่ทุกคนลำบาก ขอให้รัฐช่วยประชาชนอย่างเต็มกำลัง อย่าตัดไฟชาวบ้าน อย่าไปห่วงเรื่องกำไร ขาดทุน ผมคิดว่านโยบายง่ายๆ คือ ปีนี้ห้ามมีกำไร ต้องช่วยคนลำบากก่อน

อย่าให้คำพูด “เราจะรอดไปด้วยกัน” เป็นแค่คำปลอบใจ ที่ประชาชนพูดกันเอง... ชัชชาติ ทิ้งท้าย

เรียกว่า เวลานี้นอกจากมาตรการช่วยเหลือประชาชน ลดความเดือดร้อนจากค่าไฟแพง รัฐบาลคงต้องลงมาจัดการกับต้นเหตุจากไฟฟ้าแพงด้วย

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์
“ท่านใหม่” ม.จ.จุลเจิม ยุคล เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่โพสต์เฟซบุ๊ก เรียกร้องให้ดูกันลึกๆ ลงไป

“ท่านใหม่” ระบุว่า เรื่องของไฟฟ้า เรื่องใหญ่มากที่ไฟฟ้าขึ้นเท่าตัว จริงไม่จริง ชาวบ้านเขามองกันว่า ต้นเหตุมันน่าจะมาจากการที่รัฐบาลให้คืนค่าประกัน มิเตอร์การใช้ไฟ... เงินที่การไฟฟ้าสำรองไว้แจกโบนัสพนักงาน มันหายไป จำเป็นต้องหาทางเอาคืน จะจริง จะเท็จ จริงไม่จริง ไม่ทราบ แต่ชาวบ้านเขาพูดกันนะครับ... ชาวไฟฟ้าย่อมรู้ดีกว่าผม และชาวบ้าน

“ม.จ.จุลเจิม ยุคล” ยังตั้งข้อสงสัยว่า กระทรวงพลังงาน กฟผ. กฟน. กฟภ. เล่นอะไรกันอยู่ ไหนบอกว่าซื้อไฟฟ้าจากเอกชนที่ลงทุนกันในประเทศ ลาว เขมร พม่า ค่าไฟฟ้าจะถูกลง เพราะ EGAT ไม่ต้องลงทุนสร้างโรงไฟฟ้าเอง... ตอนนี้ซื้อจากเอกชนบางส่วนมาขายให้ประชาชน แต่ทำไมถึงแพงจัง ส่วนต่าง ระหว่างผลิตเอง หรือซื้อจากเอกชนผลิต มันคงจะได้สมประโยชน์ทั้งคู่ (กินค่าคอมมิชชั่น จากการซื้อไฟฟ้าจากเอกชน ??? )

“ท่านใหม่” ยังเรียกร้องให้ “พี่ศรี” ศรีสุวรรณ จรรยา ช่วยร้องเรียน ช่วยตรวจสอบให้หน่อย เส้นทางของการซื้อขายไฟฟ้าของรัฐ กับเอกชน ราคาซื้อขาย จากต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ จนถึงประชาชนผู้ใช้ไฟฟ้าต้องรับกรรมกัน

ไหนๆ ท่านประธานองค์กรไฟฟ้าทั้งหลายที่จะประชุมกันก็ฝากความเห็น และข้อเรียกร้อง ทั้งของ “ชัชชาติ” และ “ท่านใหม่” ไปด้วย

ประชุมกันแล้วก็อย่าลืมมาให้คำตอบกับประชาชน เอาให้ชัดๆ กันไป ถ้าไม่เคลียร์แล้วจะหาเรื่องเคลื่อนไหว ก็รอรับผลที่จะตามมาดีๆ แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน

องค์กรนั้นเป็นของพวกท่าน แต่ควรจำไว้ว่า... ประเทศเป็นของประชาชน !!

** “ลุงตู่” เฉลย ทำจดหมายถึงมหาเศรษฐี ไม่ใช่ขอเงิน แต่ขอโครงการที่จะช่วยเหลือประชาชน ในยามที่ประเทศชาติต้องฝ่าวิกฤตโควิด-19 พร้อมยืนยัน งานนี้ไม่มีผลประโยชน์ต่างตอบแทน !!

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา


พลันที่ “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เมื่อวันที่ 17 เม.ย.ที่ผ่านมาว่า จะทำจดหมายเปิดผนึก ถึงมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุด ในประเทศไทย 20 ท่าน ขอให้ท่านเหล่านั้นได้บอกว่า จะลงมือช่วยเหลือประเทศไทยของเราให้มากขึ้นได้อย่างไรบ้าง เพราะมหาเศรษฐีของประเทศไทยเหล่านี้ ล้วนมีอิทธิพลอย่างมาก ต่อเศรษฐกิจของประเทศ และถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก

“ผมขอให้ท่านได้มีบทบาทสำคัญในการร่วมกันช่วยเหลือประเทศ และร่วมเป็นทีมประเทศไทยด้วยกันกับเรา”

ในจังหวะเวลาที่ “ลุงตู่” พูดถึงเรื่องนี้ ก็เป็นช่วงเดียวกับที่มีการพูดถึงฐานะการเงินของประเทศ ที่จะนำมาสู้กับไวรัสโควิด-19 ทั้งในด้านการสาธารณสุข เรื่องเงินเยียวยา 5 พันบาท 3 เดือน สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีคำสั่งปิดกิจการชั่วคราว ประกาศเคอร์ฟิว และรัฐบาลต้องออก พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อนำมาใช้ในการนี้

เมื่อ “ลุงตู่” บอกจะทำจดหมายถึง 20 มหาเศรษฐี จึงถูกฝ่ายตรงข้ามรัฐบาล ตีความไปว่าต้องเป็นจดหมาย “ขอให้ร่วมบริจาคเงิน” อย่างไม่ต้องสงสัย...แฮชแท็ก “#รัฐบาลขอทาน” ในโลกโซเชียลฯ จึงกลับมาร้อนแรงอีกครั้ง ... บ้างก็ว่าเป็นการ “ไถเศรษฐีออกสื่อ” สุดท้ายแล้วก็ต้องมี “ผลประโยชน์ต่างตอบแทน” กันในภายหลัง

ทำเอา “วิษณุ เครืองาม” รองนายกรัฐมนตรี ต้องออกมาชี้แจงว่า รัฐบาลไม่ได้ทำหนังสือไปขอเงิน ขอให้รอดูข้อความในจดหมายก่อน ว่า นายกฯเขียนไปขออะไร แต่ ยืนยันได้ว่า ไม่ได้ไปขอเงิน

ล่าสุด “ลุงตู่” ก็ได้ออกมาชี้แจงอีกครั้ง หลังทำจดหมายไปแล้วว่า เป็นเรื่องของการทำงาน ไม่ใช่รัฐบาลจะไปกู้เงิน ยืมเงิน หรืออะไร เพราะรัฐบาลมีเงินของรัฐบาลอยู่แล้ว...

“ความจริงก็เพื่อรับทราบว่า จะดำเนินการอะไรบ้าง ในการช่วยเหลือบุคลากรในองค์กร เจ้าหน้าที่ พนักงาน ลูกจ้าง ซัปพลายเออร์ เพื่อให้มาตรการที่รัฐบาลออกไปนั้น สามารถช่วยเหลือประชาชนได้พื้นที่กว้างขึ้น... ในส่วนนี้เป็นเรื่องของพวกท่านที่จะดูแลประชาชน และสิ่งที่ทั้ง 20 ท่าน ทำอยู่ ก็ต้องขอขอบคุณ ผมก็ทราบดีว่า ทุกท่านมีการดำเนินการในเรื่องเหล่านี้อย่างดีอยู่แล้ว แต่ก็เพื่อให้สอดประสานกันในการทำงาน ยืนยันว่าไม่มีการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น วันนี้ ก็ขอให้ดูแลในส่วนของท่านให้ดีที่สุดในองค์กร ในห่วงโซ่ของพวกท่าน ทั้งผู้ผลิต ซัปพลายเออร์ ดูแลผู้บริโภค...ซึ่งนอกจากทั้ง 20 ท่านแล้ว ก็ยินดีถ้าภาคส่วนอื่นๆ จะมีอะไรที่จะช่วยเหลือประชาชนให้ผมทราบ ก็สามารถทำเรื่องมาได้”

สิ่งที่ “ลุงตู่” ต้องการจากมหาเศรษฐี รวมทั้งผู้อาวุโส ที่มีประสบการณ์เหล่านี้คือ เพียงแค่ขอให้ ทำเอกสาร นำเสนอสิ่งที่พร้อมจะทำเพิ่มเติมเพื่อช่วยเหลือพี่น้องคนไทย และขอให้ลงมือทำโครงการที่จะออกไปช่วยเหลือประชาชนคนไทย ทุกกลุ่ม ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการบรรเทาความทุกข์ ร้อนของประชาชนทางด้านใดก็ตาม หรือด้วยวิธีการใดก็ตาม ขอให้เป็นการช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม หรือเห็นว่ารัฐบาลจะช่วยอำนวยความสะดวกให้กับโครงการนั้นๆ ได้อย่างไร ก็ขอให้แจ้งมา เพื่อจะได้ร่วมมือกัน

แม้จะยังไม่เป็นที่เปิดเผยว่า “ลุงตู่” ได้ทำจดหมายถึงใครบ้าง แต่ถ้าพูดถึงมหาเศรษฐีในเมืองไทย ก็คงจะนึกหน้าค่าตากันออก อย่างเช่น ... “ตระกูลเจียรวนนท์ แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์...“เฉลิม อยู่วิทยา” แห่งบริษัท เครื่องดื่มกระทิงแดง จำกัด ...“เจริญ สิริวัฒนภักดี” เครือไทยเบฟเวอเรจ...“ตระกูลจิราธิวัฒน์” เจ้าของอาณาจักรกลุ่มเซ็นทรัล...“สารัชถ์ รัตนาวะดี” แห่ง บมจ.กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์...“อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา” แห่งบริษัท คิง เพาเวอร์ จำกัด...“ประจักษ์ ตั้งคารวคุณ” บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด ...“ตระกูลโอสถานุเคราะห์” แห่ง บมจ.โอสถสภา... “วานิช ไชยวรรณ” บมจ.ไทยประกันชีวิต...“ ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ ...“กฤตย์ รัตนรักษ์” บริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ ...“คีรี กาญจนพาสน์” แห่ง บีทีเอส กรุ๊ป... “สันติ ภิรมย์ภักดี” บมจ.บุญรอด บริวเวอรี... “ศุภลักษณ์ อัมพุช” แห่ง เดอะ มอลล์ กรุ๊ป เป็นต้น

บุคคลเหล่านี้ นอกจากจะประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ แล้วยังมีวิสัยทัศน์ มีประสบการณ์ในด้านการบริหารจัดการ ที่จะสามารถเข้ามาเติมเต็มในสิ่งที่รัฐบาลยังขาดอยู่ได้

ล่าสุด ตัวแทน “เจ้าสัว” อย่าง “ศุภชัย เจียรวนนท์” ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ ก็ออกมาตอบรับแล้วว่ายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือ และในฐานะ ประธานสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย (DCT) ก็จะจัดทำยุทธศาสตร์เสนอรัฐบาล เพื่อสร้าง Big Data ฐานข้อมูลขนาดใหญ่ ผ่านแอปพลิเคชัน เพื่อเป็นทางเลือกให้แต่ละโรงพยาบาล นำข้อมูลใช้รักษาผู้ป่วย การร่วมกันจัดทำระบบทดสอบ ไม่ให้เกิดปัญหาการแพร่ระบาดย้อนกลับมา รวมทั้งการพัฒนาวัคซีน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสังคม ประชาชน และ ภาคธุรกิจ

ส่วน “นพ.ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ” บอกว่า ช่วงที่ผ่านมา ก็ได้ให้ความช่วยเหลือแก่แพทยสภา และกระทรวงสาธารณสุข ในการนำเครื่องบิน ไปรับส่งบุคลากรทางการแพทย์ เพื่อเดินทางไปรักษาคนไข้ติดเชื้อในจังหวัดต่างๆ และปัญหาที่เห็นในตอนนี้คือ ปัญหาการขาดแคลนน้ำใช้ จึงอยากจะช่วยรัฐบาลในเรื่องนี้ ทั้งในด้านน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และน้ำทีใช้ในด้านการเกษตร ชาวไร่ ชาวนา

และหลังจากนี้ เชื่อว่าผู้ที่ได้รับจดหมายจาก “ลุงตู่” ก็คงจะตอบรับ และนำเสนอโครงการในการช่วยเหลือประเทศชาติ ประชาชน ในการฝ่าวิกฤตครั้งนี้ ...ส่วนจะมีใครบ้าง และเสนอแนวทางใดบ้างนั้น... โปรดติดตาม




กำลังโหลดความคิดเห็น