xs
xsm
sm
md
lg

“ฟลุค-เกริกพล” เหมารวม เอาเรื่องบริจาคมาด่ารัฐบาล งานนี้ก็เลยมีทั้ง “ดอกไม้และก้อนหิน” แถมเจอขุดคดีพ่ออีกต่างหาก **เมื่อ “เสธ.โก้” เปิดปาก เบื้องหลังเหตุ “สุวรรณภูมิป่วน” แหกกฎกักตัว ตัวละครสำคัญ “ผอ. EOC” ตัวจริงที่สั่งการปล่อยตัว

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


เกริกพล มัสยวาณิช - พล.ต.โกศล ชูใจ - นพ.สุเทพ เพชรมาก
ข่าวปนคน คนปนข่าว

**“ฟลุค-เกริกพล” เหมารวม เอาเรื่องบริจาคมาด่ารัฐบาล งานนี้ก็เลยมีทั้ง “ดอกไม้และก้อนหิน” แถมเจอขุดคดีพ่ออีกต่างหาก

เป็นประเด็นขึ้นมาทันที เมื่อ “ฟลุค” เกริกพล มัสยวาณิช ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ตั้งคำถามถึงรัฐบาลเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีปัญหาเรื่องขาดแคลนอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นให้แก่บุคลากรทางการแพทย์ ดารายังหาได้ รัฐบาลยิ่งใหญ่กว่าตั้งเยอะ แต่ทำไมหาไม่ได้ พร้อมตั้งคำถาม “ทำไมจะต้องให้ทุกอย่าง มาจากการบริจาคเหรอ”

โดย “ฟลุค เกริกพล” บอกวา ตัวเขาบริจาค Face Shield และจะพยายามหาชุด แล้วไปจ่ายตามโรงพยาบาล คำถามคือ ทำไมมันไม่ใช่หน้าที่รัฐบาลต้องหาหรือ มันเป็นหน้าที่ดาราหรือ อันนี้งง เป็นหน้าที่ของคนมีจิตกุศลต้องทำให้หรือ ไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาล หรือวะ

แล้วทำไมงบประมาณตั้งเยอะตั้งแยะ สิ่งเหล่านี้มันทำไม่ได้หรือ ไม่ได้ว่า แต่แค่งง ทำไมไม่เตรียมให้พอ ทำไมไม่หาให้ได้ เพราะอะไร รู้ปะ เพราะเรายังหาได้เลย ถ้ารัฐบอกว่าหาไม่ได้ ไม่มีตังค์ อย่างแรกเลยคือ รัฐบาลมีเงินเยอะกว่าแน่ๆ อันนี้ชัวร์ อันที่สอง หาไม่ได้ น้องลี (นาตาลี เจียรวนนท์) ยังหาได้เลย ไปเสิร์ชหาได้

คือพวกเราเป็นดารา เรายังหาได้เลย คุณเป็นรัฐบาล แม่_หาไม่ได้ได้ไงวะ นี่คือตรรกะที่ผมไม่เข้าใจว่า ทำไมจะต้องให้ทุกอย่างมาจากการบริจาคเหรอวะ ทุกคนต้องมานั่งบริจาคทุกเรื่อง ตั้งแต่น้ำท่วม กูก็บริจาค ตอนนี้มีบริจาคอีกและ คือทำไมอ่ะ...เงินเยอะแยะ เอาไปทำอะไรหมดวะ ไม่เข้าใจตรงนี้จริงๆ

เราไม่ได้บอกว่ารัฐบาลโหลยโท่ยนะ เพียงแต่ว่าบางอย่างทำไมไม่เตรียมให้เรียบร้อยวะ เรื่องแค่นี้เอง นึกออกมั้ย มันแค่ชุดเองอะ เอางี้ ถ้ามนุษย์อย่างเราหาได้ คุณหาไม่ได้ ได้ไง คุณยิ่งใหญ่กว่าเราตั้งเยอะ

นี่คือส่วนตัวผมคิดนะ น้ำท่วม ไฟป่า โรคระบาด บริจาคหมด เออจริง ทำไมอะ ทำไมหลายประเทศเขาบอกเลยว่าไม่รับเงินบริจาค ทำไมเขาพูดได้ แต่ทำไมประเทศเราเหมือนเป็นสิ่งที่เราจะต้องพึงทำเสมอเหรอ

หลังจากที่ “ฟลุค เกริกพล” ได้ไลฟ์สด และพูดถึงเรื่องดังกล่าวไป ก็มีชาวโซเชียลฯ แชร์คลิปดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และในทวิตเตอร์ ชื่นชมที่ “ฟลุค เกริกพล” กล้าที่จะออกมาตั้งคำถามถึงรัฐบาล และวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของรัฐบาลได้โดนใจประชาชน

อย่างไรก็ดี มีชื่นชม ก็มีเสียงด่าตามมา อุปมาเหมือนเหรียญมีสองด้าน โดยเฉพาะที่ “ฟลุค” พูดเหมารวมถึง “การบริจาค” และ ความห่วยของรัฐบาล โดยเมื่อเทียบดาราชื่อดัง ซึ่งบริจาคกันคนละหลายล้านให้กับโรงพยาบาล และสถาบันการแพทย์ โดยที่ไม่เห็นว่าคนกลุ่มนี้ จะออกมาพูดทวงบุญคุณ หรือ ตำหนิด่าทอรัฐบาล กลายเป็นกระแสที่เห็นว่า “ฟลุค เกริกพล” อยู่เงียบๆ ยังจะดีเสียกว่า

เนื่องเพราะการบริจาคในยามที่บ้านเมืองมีภัยพิบัติ หรือ สังคมเผชิญปัญหานั้น ส่วนมากเห็นว่านี่เป็นอัตลักษณ์พิเศษของสังคมไทย ที่คนไทยมีความเอื้ออาทร เป็นพื้นฐานอยู่ในจิตใจ ไม่ว่ายามใดก็ตามที่สังคมต้องการความช่วยเหลือ คนไทยก็จะมีจิตใจเผื่อแผ่ในรูปแบบต่างๆ โดยไม่ต้องมีใครมาบอก แต่เกิดขึ้นเอง ไม่เพียงแต่เงิน รวมถึงสิ่งของ เครื่องใช้ และอาหารการกิน ดังวิกฤตหลายวิกฤตที่ผ่านมา...

เท่านั้นไม่พอ ชาวโซเชียลฯ ยังขุดคุ้ยเอากรณี สั่งกองปราบเร่งตามจับ “มานิต มัสยวานิช” พ่อฟลุค เกริกพล แจ้งเท็จ ขอคืนภาษีเมื่อหลายปีก่อนออกมาตีแผ่เป็นเชิงย้อนศร “ฟลุค” อีกต่างหาก ...

กรณีของ “ฟลุค เกริกพล” นี้ ว่าไปก็นานาจิตตัง แต่ฟลุค ก็ต้องไม่ลืมไปว่า การบริหารงานที่ห่วยแตกของรัฐบาล กับ ผู้มีจิตศรัทธา ด้วยการบริจาคนั้นมันคนละเรื่องกัน งานนี้ “ฟลุค” ก็เลยรับเละ มีทั้งดอกไม้และก้อนหินดังว่า

**เมื่อ “เสธ.โก้” เปิดปาก เบื้องหลังเหตุ “สุวรรณภูมิป่วน” แหกกฎกักตัว ตัวละครสำคัญ “ผอ. EOC” ตัวจริงที่สั่งการปล่อยตัว

หลังเหตุป่วนสุวรรณภูมิ คำถามตามมาว่า ใครคือคนที่สมควรถูกตำหนิและต้องรับผิดชอบ ?
แรกๆ ในคลิปที่แชร์กัน สังคมได้เห็น “เสธ.โก้” พล.ต.โกศล ชูใจ เจรจากับกลุ่มผู้โดยสาร และยอมปล่อยให้คนไทย 152 คน กลับบ้านไปก่อน ไม่ต้องกักกันตัว จนเป็นเหตุให้นายพลคนนี้ ถูกกระแสวิจารณ์เละเทะ

ร้อนถึง “ลุงตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดือดปุดๆ สั่งสอบไล่ตั้งแต่ ต้นทางกระทรวงต่างประเทศ มาถึงหน้างานสุวรรณภูมิ... ทาง กต. ก็เคลียร์ตัวเองในเวลาต่อมาว่า กลุ่มคนไทยกลุ่มนี้ได้ทำเรื่องก่อนที่จะมีคำสั่งห้ามบิน และได้แจ้งขั้นตอนการปฏิบัติ เช่น ต้องเข้าสู่การกักตัว 14 วัน เรียบร้อยแล้ว ... คราวนี้ก็มาถึงหน้างาน ที่มีตัวละครอย่าง “เสธ.โก้” พล.ต.โกศล ชูใจ เป็นตัวชูโรง

ผลออกมาแล้ว....จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงของศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง หรือ ศปม.ก็พบว่า เหตุการณ์นี้เกิดจากการที่ผู้โดยสารดังกล่าว ใช้เวลารอขั้นตอนในการตรวจโรค และรอการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เป็นเวลานานหลายชั่วโมง ไม่มีเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่จะตัดสินใจในเหตุการณ์ครั้งนี้ได้ ที่พร้อมจะให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับผู้โดยสารที่รออยู่จนเกิดเหตุวุ่นวายขึ้น เป็นเหตุให้ผู้โดยสารไม่ยอมรับการกักตัวตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และเรียกร้องให้มีผู้ใหญ่มาเจรจา

ซี่งในระหว่างนั้น “เสธ.โก้” หรือ พล.ต.โกศล ชูใจ ได้มาปฏิบัติหน้าที่ที่สุวรรณภูมิ เพราะได้รับมอบหมายจากกระทรวงกลาโหม ให้มาทำหน้าที่ประสานงานเกี่ยวกับเรื่องการจัดการยานพาหนะ เพื่ออำนวยความสดวก ในการรับส่งผู้โดยสารที่กลับจากต่างประเทศไปกักกันตัวอยู่พอดี
ในความเป็นจริงแล้ว “พล.ต.โกศล ชูใจ” ไม่ได้มีหน้าที่เกี่ยวกับข้องในเรื่องนี้แต่อย่างใด แต่เมื่อได้รับการร้องขอจากเจ้าหน้าที่ ให้มาช่วยเจรจากับผู้โดยสารที่แสดงความไม่พอใจ ก่นด่าเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ เพราะเห็นว่า พล.ต.โกศล เป็นผู้ใหญ่ที่สุดในเวลานั้น แต่เมื่อ พล.ต.โกศล พยายามเจรจา ชี้แจงด้วยข้อกฎหมาย และเหตุผลต่างๆ แล้ว ผู้โดยสารก็ไม่ยอมรับฟัง พล.ต.โกศล จึงได้ติดต่อกับ “ผอ. EOC สธ.” หรือ ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Emergency Operations Center: EOC) เพื่อปรึกษาหารือในการแก้ปัญหาครั้งนี้

จนในที่สุด “เสธ.โก้” ได้รับคำสั่งจาก ผอ. EOC สธ. ว่า ให้ปล่อยตัวผู้โดยสารกลับบ้านไปก่อน เพราะหากมีการยื้อกันต่อไปจะเกิดความวุ่นวาย และอาจลุกลามจนกลายเป็นการจลาจลได้

“เสธ.โก้” จึงได้ตัดสินใจปล่อยตัวผู้โดยสารดังกล่าวกลับบ้านไปก่อน ตามคำสั่งของ ผอ. EOC สธ.

นั่นจึงทำให้ถูกกระแสสังคมโจมตีว่า ทำไมตัดสินใจปล่อยกลับบ้านโดยพลการ

ผลสอบยังย้ำว่า ในความเป็นจริงแล้ว “พล.ต.โกศล” ได้มีการปรึกษาหารือในการแก้ปัญหาในครั้งนี้กับ ผอ. EOC สธ. มาโดยตลอด และการปล่อยตัวผู้โดยสาร ก็เป็นไปตามคำสั่งของ ผอ. EOC สธ. ไม่ได้เป็นการตัดสินใจเองโดยพลการแต่อย่างใด

ทีนี้ก็เป็นเรื่องล่ะว่า หากตามข้อเท็จจริงนี้ และให้ความเป็นธรรมกับ “เสธ.โก้” แล้วใครคือ “ผอ. EOC สธ.” ที่ เสธ.โก้ โทร.หา คนนี้ต้องเป็นที่ควรถูกสอบด้วยหรือไม่

ว่ากันว่า ผอ. EOC สธ. คนนี้ ก็คือ “นพ.สุเทพ เพชรมาก” ผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะประธานศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ EMERGENCY OPERATION CENTER : EOC (COVID-19) ซึ่ง นพ.สุเทพ ในฐานะหมอ จึงตัดสินว่า ให้ปล่อยกลับบ้านไปก่อน แล้วค่อยติดตามมาภายหลัง

ไม่น่าเชื่อว่า จะเป็นความคิดเห็นและติดสินใจของ “นพ.สุเทพ เพชรมาก” ที่ก่อนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ตรวจราชการ ก็ยังเคยดำรงตำแหน่ง รองอธิบดีกรมควบคุมโรค มาก่อน ก็น่าจะมีบทสรุปที่ดีกว่านี้ ในภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน การควบคุมโรคไวรัสโควิด-19 ยังเอาไม่อยู่ และแน่นอนรัฐบาลเพิ่งประกาศใช้มาตรการเข้มข้นขึ้นแบบนี้ด้วยแล้ว

ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉินท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (EMERGENCY OPERATION CENTER หรือ EOC) ถูกตั้งขึ้นมาควบคุมดูแลพื้นที่ และผู้คน แต่กลับกลายเป็นมีปัญหาเสียเอง ชัดเจนว่า มีการเปลี่ยนแปลงทันทีเหมือนกัน

ในเบื้องต้น กระทรวงกลาโหม มีคำสั่งเรียกตัว “พล.ต.โกศล ชูใจ” กลับกระทรวงกลาโหม โดยไม่ต้องมาช่วยงานที่สุวรรณภูมิ และตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงว่าใช้อำนาจหน้าที่เกินไปหรือไม่

“พล.อ.พรพิพัฒน์ เบญญศรี” ผบ.ทหารสูงสุด ในฐานะหัวหน้า ศปม. จึงมีคำสั่งแต่งตั้งให้ “บิ๊กเบิร์ด” พล.อ.ปริพัฒน์ ผลาสินธุ์ รองเสนาธิการทหาร เข้ากำกับดูแลการบังคับใช้ข้อกฎหมาย ที่ EOC สุวรรณภูมิ-ดอนเมือง

บทเรียนจากเหตุการณ์นี้ เห็นได้ชัดว่า “ศูนย์ EOC” จำเป็นต้องปรับรูปแบบการจัดการให้มีการประสานความร่วมมือมากขึ้น และให้มีผู้บัญชาการเหตุการณ์ เป็นเจ้าหน้าที่ทหาร หรือ คนสั่งการระดับสูง เพื่อการทำงาน การบังคับใช้กฎหมาย เกิดผลในทางปฏิบัติชัดเจนยิ่งขึ้น


ผอ. EOC “นพ.สุเทพ เพชรมาก” ที่งานนี้ไม่เด้งก็เหมือนโดนเด้งไปโดยปริยาย !!





กำลังโหลดความคิดเห็น